5 หุ้นน้องใหม่ราคาร่วงต่ำจอง จับตา บจ.แห่เลื่อน IPO ปีหน้า

สำรวจหุ้นไอพีโอเดือน ต.ค.-พ.ย.สะดุดตลาดหุ้นผันผวน เผย 5 หุ้นน้องใหม่ราคาร่วงต่ำจอง “โอสถสภา” นำทีมไม่พ้นน้ำ “ไพบูลย์” ชี้บรรยากาศตลาดหุ้นไม่ดี หุ้นกลางเล็กไร้แรงซื้อหนุน ผู้บริหาร บจ.ทำใจรับสภาพราคาหุ้นไหลลง จับตาหุ้น IPO จ่อเข้าช่วง 2 เดือนสุดท้ายมีสิทธิ์เลื่อนไปปีหน้า

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงกว่า 80 จุด จากสิ้นเดือน ก.ย. 61 หรือลดลงราว 5% โดยดัชนีลงไปต่ำสุดที่ 1,623.37 จุด และตลาดยังคงผันผวนต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้นใหม่ที่เข้าซื้อขายวันแรกทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) และตลาดเอ็ม เอ ไอ (mai) ช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. 61 ที่ผ่านมาอยู่ในสถานการณ์ไม่ดี ทำให้ส่วนใหญ่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าราคาจอง

โดยในช่วงเดือน ต.ค.-8 พ.ย.มีหุ้นที่เข้าซื้อขายวันแรกรวม 8 บริษัท เป็น บจ.ใน SET 4 ราย ได้แก่ บมจ.โอสถสภา (OSP) บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC) บมจ.โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ขณะที่หุ้นใหม่ในตลาด mai 3 ราย ได้แก่ บมจ.เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค (KWM) บมจ.โซนิค อินเตอร์เฟรท (SONIC), บมจ.ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง (TIGER) และ บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER)

ทั้งนี้จากข้อมูลราคา ณ วันที่ 8 พ.ย. 2561 พบว่าหุ้นที่ต่ำกว่าราคาจอง 5 บริษัท ได้แก่ บมจ.โอสถสภา, บมจ.เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค, บมจ.โซนิค อินเตอร์เฟรท, บมจ.ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง และ บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์

ตลาดผันผวนหุ้น IPO เดี้ยง

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดหุ้นไทย (FETCO) กล่าวว่า เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไม่ค่อยดีนัก ส่งผลให้นักลงทุนไม่อยากลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก ซึ่งไม่เพียงแต่หุ้นเล็กในตลาด mai เท่านั้น แต่ยังรวมถึงหุ้นธุรกิจขนาดกลางที่อยู่ในตลาด SET ด้วย เนื่องจากหุ้นกลาง-เล็กเหล่านี้จะมีสภาพคล่องต่ำ และไม่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งเวลาราคาร่วงลงมาจะไม่มีแรงซื้อกลับเหมือนหุ้นขนาดใหญ่

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในเดือน พ.ย. 61 อยู่ที่ 113.73 ปรับตัวลดลง 7.23% จากเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งลดลงเป็นเดือนแรกในรอบ 5 เดือนก่อนหน้านี้ มาอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว เนื่องจากความกังวลจากผลกระทบสงครามการค้าและนโยบายการเงินของสหรัฐ แต่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และภาวะเศรษฐกิจในประเทศยังหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนอยู่

หุ้นกลางเล็กยังลำบาก

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการนักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หุ้นไอพีโอที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา หลายตัวอยู่ในระดับต่ำจอง และยังมีโอกาสปรับตัวลงต่ำกว่าเดิม เพราะราคาหุ้นบางตัวในช่วงไอพีโอก็ตั้งราคาไม่ถูก บวกกับบรรยากาศตลาดที่ไม่ดี

“กลุ่มที่เป็นหุ้นขนาดกลางและเล็กยังไม่ได้กลับมา ดังนั้นคนที่ถือลงทุน หรือคนที่ได้มาอาจจะมีจังหวะในการขายไปก่อน และบวกกับผลประกอบการยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะเพิ่งเข้าจดทะเบียน ยังเห็นไม่ชัดว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน เพราะฉะนั้นความเสี่ยงต่าง ๆ ยังมีอยู่ นักลงทุนจึงอาจไปตั้งรับช่วงที่มีประกาศงบการเงินออกมาเพื่อดูข้อมูลที่ชัดเจน”

จับตาหุ้นไอพีโอเลื่อนปีหน้า

นายวิจิตรกล่าวว่า สำหรับหุ้นไอพีโอที่จะเข้ามาในช่วงที่เหลือของปีนี้ มีความเป็นไปได้ที่บางตัวอาจจะเลื่อนการเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯไปปีหน้า เพราะทางผู้บริหารส่วนใหญ่จะมองบรรยากาศการลงทุน ถ้าไม่ดีโอกาสที่เข้ามาแล้วจะดันราคาขึ้นไปก็ยาก

“หลัก ๆ หุ้นที่ราคาต่ำจองจะอยู่ในตลาด mai เพราะว่าหลาย ๆ บริษัทเสนอขายในราคาค่อนข้างแพง ซึ่งหุ้น mai ส่วนใหญ่จะเล่นเทรด P/E ในระดับที่ค่อนข้างสูง ขณะที่ปัจจุบันตลาดโดยรวมไม่ได้เอื้อ ขณะที่กำไรของบริษัทขนาดกลางและเล็กไม่ฟื้น เหมือนอดีตที่เล่นกันตลาดดี ๆ เศรษฐกิจดี ๆ ดังนั้นตลาดอาจจะยอมรับการเทรดที่กด valuation ลงมาอีกชอตหนึ่ง จึงแนะนำหุ้นไอพีโอถ้ามีกำไรให้ขายออกก่อน เพราะตลาดค่อนข้างเหวี่ยง” นายวิจิตรกล่าว

สำหรับบริษัทที่ผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และรอเข้าซื้อขายในช่วงปลายปีนี้มี 4 บริษัท ได้แก่ บมจ.บีบีจีไอ (BBGI) บมจ.ดูโฮม (DO) บมจ.เจ้าพระยามหานคร (CMC) และ บมจ.รีพับบลิค (CHIC)

ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สำหรับหุ้น NER หรือ บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ ที่เข้าซื้อขายวันแรกในช่วงเดือน พ.ย. เพราะเป็นสินค้าคอมมิวนิตี้ที่ถูกกระทบจากปัญหาสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ทำให้ไม่มีใครต้องการนำเข้ายางพารา จึงถูกกระทบหนักซึ่งไม่ใช่เป็นเหตุการณ์ทั่วไป

ผู้บริหาร บจ.ทำใจ

นายวิบูลย์ พจนาลัย ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ.ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง (TIGER) ผู้รับเหมาก่อสร้างงานวิศวกรรมโยธาทุกประเภท กล่าวว่า ราคาหุ้น TIGER เปลี่ยนแปลงตามภาวะตลาดหุ้นโดยรวม แต่หากดูในด้านผลดำเนินงานของบริษัทงวดไตรมาส 3/61 ทำได้ตามเป้าหมายทั้งปีรายได้โต 30-40%

“เราเชื่อว่าเมื่อนักลงทุนได้ศึกษาธุรกิจของ TIGER รวมถึงผลประกอบการของบริษัทออกมาดีตามเป้าและจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ก็คาดว่าส่วนนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น” นายวิบูลย์กล่าว

ขณะที่นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริการ บมจ.เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค หรือ KWM ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ใช้ในการเกษตร กล่าวว่า เนื่องจากนักลงทุนอาจจะยังไม่เข้าใจสินค้าของบริษัท จึงไม่กล้าเข้ามาลงทุน แต่หากดูผลดำเนินงานของบริษัทที่จะออกมาสำหรับงวดไตรมาส 3/61 ซึ่งสามารถทำได้ตามเป้าหมาย และในช่วงที่เหลือของปีนี้ มั่นใจว่ายอดขายจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 20% จากปีที่แล้วที่ยอดขาย 260 ล้านบาท