ตลท.ชี้ 3 หุ้นใหญ่จ่อเข้า SET ลุ้นอีอีซีดันธุรกิจระดมทุน

ตลท.ปักธงปี”62 หุ้นไอพีโอมีปริมาณและมาร์เก็ตแคปสูงกว่าปีที่แล้ว เผยมี 3 บริษัทใหญ่จ่อเข้าตลาดหุ้น “ภากร” ชี้โครงการอีอีซีเกิด-โลจิสติกส์แจ่ม หนุนธุรกิจในพื้นที่ระดมทุน

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ปีนี้ภาพรวมหุ้นที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) คาดว่าจะมีจำนวนบริษัทที่มากกว่าและมีขนาดของบริษัทที่ใหญ่กว่าปีที่แล้ว โดยปีนี้จะเห็นหุ้นไอพีโอที่มีธุรกิจขนาดใหญ่เข้าราว 3 ราย และกระจายในหลายอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ธุรกิจขนาดใหญ่จะมีมูลค่าราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) มากกว่า 1 หมื่นล้านบาท และเป็นหุ้นที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งบริษัทที่เข้าตลาดหุ้นเพราะมีความต้องการใช้เงินลงทุนตามแผนธุรกิจที่วางไว้ นอกเหนือจากประเด็นภาวะตลาดหุ้นที่มีทิศทางดีขึ้น

“ส่วนหุ้นไอพีโอที่ผ่านมาเกิดปัญหาขายไม่หมดนั้น เรามองว่าการตั้งราคาขายหุ้นไอพีโออาจมีความเหมาะสมในช่วงเวลาที่ตั้งแล้ว อย่างไรก็ตาม ในวันที่เข้าซื้อขายวันแรกอาจเผชิญกับภาวะตลาดที่อาจมีความผันผวน ราคาหุ้นก็จะโดนกดดันไปด้วย ถ้าดูหุ้นที่เข้าระดมทุนในปี 2561 ราคาเริ่มปรับขึ้นหลายตัว หลัง sentiment ของตลาดเริ่มมีทิศทางบวกมากขึ้น” นายแมนพงศ์กล่าว

ทั้งนี้ หนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีแผนจะเข้าตลาดหุ้น SET ในปีนี้ คือ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บมจ.ปตท. (PTT) สำหรับปีที่แล้วมีหุ้นไอพีโอของ SET มูลค่าอยู่ที่ 1.63 แสนล้านบาท จำนวนบริษัท 8 บริษัท

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาลกำลังดำเนินนั้น ในส่วนของ ตลท.มั่นใจว่า ในอนาคตจะเห็นภาคธุรกิจที่อยู่ในพื้นที่อีอีซี จะมีความต้องการระดมทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมเก่ามีความต้องการเงินทุนเพื่อพัฒนาไปยังอุตสาหกรรมใหม่ ส่วนอุตสาหกรรมใหม่ที่ต้องการสร้างธุรกิจก็จำเป็นต้องใช้เงินทุนเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ โครงการอีอีซีจะรองรับธุรกิจที่เน้นต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมในอนาคต (second S-curve) ได้แก่ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ อากาศยานและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ การแพทย์และดิจิทัล และหากอีอีซีได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่งต่าง ๆ ก็จะทำให้โลจิสติกส์ทั้งทางอากาศ ทางน้ำ และภาคพื้นดิน ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจเดิมที่อยู่ใกล้เคียงโครงการอีอีซี เช่น แถบชลบุรี จันทบุรี ระยอง จะสามารถต่อยอดธุรกิจได้ดี