ดอลลาร์อ่อนค่า หลังตลาดคลายกังวลเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน

แฟ้มภาพ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้างวันนี้ (13/2) ที่ระดับ 31.25/26 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดในวันอังคาร (12/2) ที่ระดับ 31.32/33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลง เนื่องจากตลาดเริ่มคลายความกังวล หลังจากสภาคองเกรสสหรัฐได้ข้อตกลงเบื้องต้นด้านงบประมาณใช้จ่ายด้านความมั่นคง ทำให้ความเสี่ยงการปิดทำการของรัฐบาล (ชัตดาวน์) ลดลง ทั้งนี้ภาวะชัตดาวน์ยังมีความเป็นไปได้จนกว่าสภาคองเกรสจะอนุมัติและลงนามในงบประมาณใช้จ่ายก่อนกำหนดสิ้นสุดรายจ่ายฉุกเฉินในวันศุกร์นี้ (15/2) ขณะเดียวกันดอลลาร์สหรัฐก็ได้รับแรงกดดันจากตัวเลขความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต

โดยรายงานของ NFIB ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมร่วงลง 3.2 จุด สู่ระดับ 101.2 จุดในเดือน ม.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบธุรกิจขนาดย่อมของสหรัฐมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มยอดขายในอนาคต และภาวะทางธุรกิจในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ทั้งนี้ตลาดยังคงจับตาดูการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่นักลงทุนมีความหวังว่าทั้ง 2 ประเทศจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งกล่าวว่า อาจมีการเลื่อนกำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มี.ค. ขณะที่นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะจัดการประชุมเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่กับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ที่กรุงปักกิ่งในวันที่ 14-15 ก.พ.ที่จะถึงนี้ โดยระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.20-31.31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 31.30/31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (13/2) ที่ระดับ 1.1335/37 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (12/2) ที่ระดับ 1.1274/76 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรปรับตัวแข็งค่าขึ้น หลังจากที่ตลาดเริ่มคลายความกังวลประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้ความต้องการดอลลาร์สหรัฐในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง ขณะเดียวกันค่าเงินยูโรและค่าเงินปอนด์ก็ยังคงได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยปัจจัยหลักมาจากความไม่แน่นอนกรณีการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) ที่ส่งผลห้ภาคธุรกิจชะลอการลงทุน ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1312-1.1344 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1325/27 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (13/2) ที่ระดับ 110.55/57 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (12/2) ที่ 110.52/54 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินเยนเคลื่อนไหวในกรอบแคบเนื่องจากขาดปัจจัยชี้นำ ทั้งนี้ภายใต้สถานการณ์ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกก็ยังคงสนับสนุนให้นักลงทุนถือครองค่าเงินเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 110.44-110.76 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 110.56/67 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือน ม.ค. (13/2) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (14/2) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ม.ค. (14/2) ยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค. (14/2) สต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน พ.ย. (14/2) ราคานำเข้าและส่งออกเดือน ม.ค. (15/2) ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือน ก.พ.จากเฟดนิวยอร์ก (15/2) การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ม.ค. (15/2) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (15/2)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -2.0/-1.7 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -0.5/0.0 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ