ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า หลังตัวเลขการจ้างงานออกมาแข็งแกร่ง

ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 11 กรกฎาคม 2560 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (11/7) ที่ระดับ 34.11/13 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดในวันศุกร์ (7/7) ที่ 34.09/11 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ช่วงคืนวันศุกร์ (7/7) กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาเพิ่มขึ้น 222,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน สูงกว่าที่เพิ่มขึ้น 152,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม และเกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นราว 174,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% ตามที่นักวิเคราะห์คาดไว้ สูงกว่าระดับ 4.3% ในเดือนพฤษภาคม โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐ ยังได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนพฤษภาคมเป็นเพิ่มขึ้น 152,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้นเพียง 138,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขจ้างงานในเดือนเมษายน โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 207,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 174,000 ตำแหน่ง ส่วนตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมิถุนายน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพฤษภาคม และปรับเพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ การที่ตัวเลขออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดทำให้นักลงทุนต่างคิดว่าเฟดมีแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ดีขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้

ในเวลาต่อมา นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโกได้ออกมากล่าวยืนยันว่า เขายังคงคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในปีนี้ และเฟดจะเริ่มต้นปรับลดขนาดงบดุลลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยถึงแม้ว่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ในช่วงนี้จะออกมาชะลอตัว แต่เขาคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวในระยะนี้เท่านั้น ก่อนที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ จะปรับขึ้นสู่ระดับราว 2% ในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า

ส่วนปัจจัยสำคัญที่ในสัปดาห์นี้ที่นักลงทุนยังคงรอคอยก็คือการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐ ในวันพุธและพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ตามลำดับ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นางเยลเลนจะแสดงมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ และแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟดในอนาคต ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 34.09-34.14 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 34.10/12 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรในวันนี้ (11/7) ค่าเงินยูโรเปิดตลาดที่ระดับ 1.1395/97 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (7/7) ที่ 1.1400/02 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงจากแรงกดดันของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่แข็งค่าขึ้น ถึงแม้ว่าสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บรรดารัฐมนตรีกระทรวงการคลังของประเทศสมาชิกยูโรโซนหรือยูโรกรุ๊ป เตรียมประเมินเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง หลังเศรษฐกิจปรับตัวในทิศทางที่ดีกว่าการคาดการณ์ โดยนายเจอโรน ดีจเซลโบลม ประธานยูโรกรุ๊ป แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมประจำเดือนว่า “เราได้มีการหารือกันว่าเราจะยังคงใช้คำว่าฟื้นตัวอีกได้หรือไม่ หรือว่าขณะนี้เราอยู่ในช่วงขยายตัวแล้ว” หลังจากที่เศรษฐกิจยูโรโซนได้ขยายตัวติดต่อกันถึง 16 ไตรมาส ขณะที่ยูโรกรุ๊ปจำเป็นต้องมีการกำหนดทิศทางด้านการคลังสำหรับปีหน้า ส่วนทางสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (FSO) ได้มีการเปิดเผยตัวเลขยอดส่งออกเดือนพฤษภาคมของเยอรมนีออกมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4% ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ขณะที่นำเข้าเพิ่มขึ้น 1.2% ส่งผลให้เยอรมนีเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.03 หมื่นล้านยูโรในเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้นจาก 1.97 หมื่นล้านยูโรในเดือนก่อนหน้า ทั้งวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1381-1.1402 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1392/94 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับค่าเงินเยนในวันนี้ (11/7) เปิดตลาดที่ระดับ 114.15/17 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (7/7) ที่่ระดับ 113.87/89 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (7/7) หลังจากที่ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ออกมาแถลงมาตรการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) อย่างไม่จำกัดจำนวน เพื่อที่จะควบคุมเพดานอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศ ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้อัตราผลตอบแทน JGB ส่วนใหญ่ร่วงลง และทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงอีกด้วย โดยในวันนี้ค่าเงินเยนยังคงอ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนยังคงขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากที่แนวโน้มเศรษฐกิจของหลาย ๆ ประเทศเริ่มมีทิศทางฟื้นตัวรวมถึงทางสหรัฐเองที่ล่าสุดนั้นมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานออกมาแข็งแกร่งกว่าที่้คาด ทั้งนี้การเคลื่อนไหวระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 114.00-114.47 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 114.32/36 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในช่วงสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนพฤษภาคมของสหรัฐ (11/7) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิถุนายนของสหรัฐ (13/7) ยอดค้าปลีกเดือนมิถุนายนของสหรัฐ (14/7)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -0.40/-0.20 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -0.30/+0.00 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ

 

ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

ติดตามอ่านข่าวสารจากประชาชาติออนไลน์
ดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชั่น >> Prachachat << ได้แล้ววันนี้