กูรูหวั่น “COVID-19” ฉุด SET ไหลลงต่ำสุดที่ 1,355 จุด

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี เปิดเผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้าวันที่ 28 ก.พ.63 ว่า ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นลบ โดยคาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) จะปรับตัวลงทดสอบจุดต่ำสุดเดิมบริเวณ 1,355 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านที่นักลงทุนยังคงอยู่ในภาวะปิดความเสี่ยง (Risk Off) จากความกังวลไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ที่แพร่ระบาดเป็นวงกว้างไปทั่วโลก

โดยเฉพาะจำนวนผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนที่เร่งตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะกดดันต่อภาพเศรษฐกิจโลก ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงแรงต่อเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความต้องการใช้ (Demand) ที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจจะเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี รวมถึงกดดันต่อทิศทางการลงทุนในช่วงนี้อีกด้วย ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงแนะนำนักลงทุนรอซื้อช่วงอ่อนตัว โดยเน้นหุ้นกลุ่มปลอดภัย (Defensive) เป็นหลัก

ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำลงทุนรายตัว (Selective Buy) ในหุ้น Defensive ที่จ่ายปันผลระดับสูง ได้แก่ ADVANC, INTUCH และ TTW กลุ่มส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ KCE, HANA และ DELTA) รวมถึงกลุ่มส่งออกอาหาร CPF และ TU ได้อานิสงส์จากทิศทางเงินบาทอ่อนค่า กลุ่มไฟแนนซ์ MTC, SAWAD และ KTC ได้อานิสงส์ต้นทุนการเงินลดลงหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยลง 0.25% รวมถึง CRC, BTS และ BDMS ที่ถูกเพิ่มน้ำหนักการคำนวณในดัชนี MSCI โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ขณะที่หุ้นเด่นแนะนำวันนี้ ได้แก่ ADVANC (ปิด 204.00 บาท ซื้อ/เป้า 247.00 บาท) โดย ADVANC ได้รับผลกระทบจากไวรัส COVID-19 น้อยสุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ขณะที่การเริ่มเปิดให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์เป็นรายแรกของไทยช่วยหนุนกิจกรรมการตลาดและช่วยดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการเครือข่ายของ ADVANC มากขึ้น

ถัดมาแนะนำ TU (ปิด 15.90 บาท ซื้อ/เป้า 17.50 บาท) ได้บรรยาการเชิงบวกจากทิศทางค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์และยูโร โดยเชื่อว่า TU จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากทิศทางดังกล่าว เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกมากที่สุดของกลุ่ม หรือมีรายได้จากการส่งออกคิดเป็น 75% ของรายได้รวม ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 1/63 ยังโตต่อเนื่องจากมาร์จิ้นและปริมาณขายเพิ่มขึ้น หลังจากที่ราคาทูน่ากลับมาเร่งตัวขึ้นจาก 900 ดอลลาร์/ตัน ในช่วงไตรมาส 3/62 มาเป็น 1,300 ดอลลาร์/ตัน ในปัจจุบัน