คอลัมน์ สถานีลงทุน
โดย ธนรัช พสวงศ์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ราคาทองต่างประเทศ (Gold spot) ในช่วงเดือนกันยายนปรับตัวขึ้น “ร้อนแรง” อย่างต่อเนื่อง และทำจุด “สูงสุด” ในรอบ 1 ปีที่ 1,357 ดอลลาร์/ออนซ์ สาเหตุหลักที่ปรับขึ้นมาจากสถานการณ์ความตึงเครียดมากขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากเกาหลีเหนือได้มีการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2560 ที่ผ่านมาและมีการคาดการณ์ว่า เกาหลีเหนืออาจจะมีการทดลองยิงขีปนาวุธในวันเสาร์ที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือวันชาติเกาหลีเหนือ ทำให้มี “แรงซื้อ” ทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
อย่างไรก็ดี ทองคำเริ่มถูก “แรงเทขาย” ออกมา หลังจากที่มีการปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์ หลังจากที่เกาหลีเหนือไม่มีการทดลองยิงขีปนาวุธตามที่ตลาดกังวลในวันชาติเกาหลีเหนือ
ประเด็นที่คาดว่าจะกระทบต่อราคาทองคำในช่วงนี้คือ แนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดการประชุมในวันที่ 19-20 กันยายน 2560 ถึงแม้ว่าการประชุมรอบนี้ “เฟด” จะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่คาดประธานเฟดอาจจะมีการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด รวมทั้งช่วงเวลาในการเริ่มปรับลดขนาดงบดุล ทั้งนี้ จากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐเดือนสิงหาคมที่เร่งตัวสูงขึ้น ทั้งดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภค ส่งผลให้ตลาดคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดครั้งถัดไปมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2560 โดยข้อมูลจาก CME Group ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็น 55.8% ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำได้ จากที่ก่อนหน้านี้ตลาดคาดว่าเฟดจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไปเป็นปีหน้า
ขณะที่สถานการณ์เกาหลีเหนือยังคงต้องติดตามต่อไป โดยคาดว่าเกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าในการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธต่อไป ทำให้เป็นปัจจัยที่ทำให้มีแรงซื้อทองคำกลับเข้ามา ถึงแม้ว่าล่าสุดคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) มีมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ โดยลดการส่งออกน้ำมันให้กับเกาหลีเหนือลงเกือบ 30% กำหนดเพดานการจัดหาหรือส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมให้กับเกาหลีเหนือเอาไว้ที่ระดับ 2 ล้านบาร์เรลต่อปี ระงับการส่งออกก๊าซเหลวธรรมชาติ น้ำมันดิบ คอนเดนเสทให้กับเกาหลีเหนือ ห้ามเกาหลีเหนือทำการส่งออกสิ่งทอทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวม 800 ล้านดอลลาร์ และห้ามไม่ให้ชาวเกาหลีเหนือที่ทำงานในต่างประเทศส่งเงินกลับประเทศ ซึ่งการคว่ำบาตรรอบใหม่นี้ส่งผลให้การส่งออกของเกาหลีเหนือถูกระงับถึง 90%
แนวโน้มราคาทองคำทางด้านเทคนิคอยู่ในช่วงของการ “ปรับฐาน” ทำให้คาดว่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway down โดยราคาทองคำมีแนวรับสำคัญ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,280 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่มีแนวต้านระยะสั้น 1,335-1,340 ดอลลาร์/ออนซ์ และแนวต้านสำคัญ 1,357 ดอลลาร์/ออนซ์
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในทองแท่งแนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาทองคำปรับลดลงเข้าใกล้ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์