ค่าเงินบาท​อ่อน​ค่า​ลงที่​ 31.58 บาท/ดอลลาร์​ กรอบวันนี้​คาด​ 31.50-31.70 บาท

เงินบาท

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เปิด​เผ​ยว่า​ ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้​ (4​ มิ.ย.)​ ที่ระดับ 31.58 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ​ อ่อนค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ ส่วน​กรอบเงินบาทวันนี้คาดเคลื่อนไหว​ระหว่าง​ 31.50-31.70 บาทต่อดอลลาร์

ทั้งนี้​ ตลาดการเงินเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงก่อนและหลังวันหยุดวันที่​ 3​ มิ.ย.​ ของไทย ล่าสุดดัชนี S&P 500 ของ​สหรัฐ​ปรับตัวขึ้นต่อ 1.4% พร้อมกับดัชนี Nasdaq ที่ปิดตัว 9682 จุด ซึ่งห่างจากระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 9838 จุดเพียงเล็กน้อย พร้อมกันนี้ ดัชนี Euro Stoxx 50 ของยุโรปก็ปรับตัวขึ้น 3.5% ซึ่งเป็นการฟื้นตัวขึ้นในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม

ด้านตราสาร​หนี้​ (บอนด์)​ ก็ยืนยันภาพตลาดที่อยู่ในโหมดเปิดรับความเสี่ยง (Risk On) โดยล่าสุด อัตรา​ผลตอบแทน​พันธบัตร​ (บอนด์ยีลด์)​ สหรัฐและเยอรมันอายุ 10 ปีขยับขึ้นมาที่ระดับ 0.75% และ -0.35% ตามลำดับ คิดเป็นการปรับตัวขึ้นกว่า 10bps จากช่วงสัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ ราคาทองคำก็ปรับตัวลง 1.7% มาที่ระดับ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มทยอยลดสินทรัพย์ปลอดภัยและกลับเข้าถือสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นแล้ว

ทั้งหมดดูจะสอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด สังเกตได้จากการจ้างงานภาคเอกชน (ADP Employment) ล่าสุดที่รายงานคนตกงานเพียง 2.8 ล้านตำแหน่ง จากที่คาดว่าจะมีคนตกงานในเดือนที่ผ่านมาถึง 9 ล้านตำแหน่ง ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าการรายงานภาวะตลาดแรงงานในช่วงท้ายสัปดาห์ ก็น่าจะเป็นบวกกับมุมมองเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวนี้เช่นกัน

ส่วนในฝั่งของตลาดเงินก็เคลื่อนไหวตามการอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นหลัก ล่าสุดเงินยูโร (EUR) ฟื้นตัวต่อเนื่องถึงระดับ 1.12 ยูโรต่อดอลลาร์ แม้เงินเยน (JPY) จะอ่อนค่าขึ้นมาที่ระดับ 108 เยนต่อดอลลาร์ แต่ก็ยังถือว่าเป็นระดับที่ต่ำกว่าการปรับตัวขึ้นเมื่อตลาดเปิดรับความเสี่ยงปรกติ กดดันให้ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 สัปดาห์ และแนวโน้มนี้น่าจะได้รับแรงหนุนต่อจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่คาดว่าจะมีข้อตกลงร่วมในการอัดฉีดงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม สวนทางกับในสหรัฐที่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาจลาจลในประเทศได้

“อย่างไรก็ดี เงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าจนชนแนวรับหลักที่ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ กลับพบกับแรงขายระยะสั้นและมีแรงซื้อเก็งกำไรสวนกลับขึ้นมา จึงอาจไม่เห็นเงินบาทเคลื่อนไหวตามสกุลเงินเอเชียมากนัก ส่วนในระยะยาว ต้องจับตาทิศทางของเงินทุนต่างชาติว่าจะเริ่มกลับมาลงทุนในไทยจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และดอลลาร์ที่อ่อนค่าหรือไม่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะเป็นกลไกหลักที่สามารถกดดันให้เงินบาทแข็งค่ากลับไปในระดับเดียวกับก่อนวิกฤตโคโรน่าไวรัสได้” ด​ร.จิ​ติ​พล​กล่าว​