“คลัง” ออกกรีนบอนด์ 3 หมื่นล้าน เยียวยาโควิด-ปล่อยกู้รถไฟฟ้าสายสีส้ม

“กระทรวงคลัง” ออกกรีนบอนด์ 3 หมื่นล้านบาท ช่วง ส.ค.นี้ หนุนเยียวยาผลกระทบโควิดวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท และปล่อยกู้ รฟม.สร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มอีก 1 หมื่นล้านบาท คาดจัดสรรช่วง 13 ส.ค.ก่อนส่งมอบ 19 ส.ค. “ธ.ก.ส.” นำร่องออกกรีนบอนด์ชุดแรก 6 พันล้านบาท พัฒนาผืนป่า หนุนสร้างงาน 1.55 แสนคน  “การเคหะ” ออกกรีนบอนด์ ก.ย.นี้วงเงิน 6.8 พันล้านบาท ระดมทุนพัฒนาโครงการเช่าซื้อสำหรับประชาชนรายได้น้อย-รีไฟแนนซลงทุนประเภทเช่าหรือซื้อ-ชำระหนี้ที่เกิดจากการเช่าซื้อ

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า เป็นครั้งแรกของรัฐบาลไทยที่จะมีการออกและเสนอขายพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พันธบัตรเพื่อสังคม และพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน หรือกรีนบอนด์ (Green Bond) อายุ 15 ปี มูลค่าไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท โดยกำหนดการเสนอขายในช่วงเดือน ส.ค.2563 แบ่งเป็นการออกพันธบัตรเพื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม วงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการขนส่งที่สะอาด ช่วยลดมลภาวะทางอากาศและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงจะมีการออกพันธบัตรภายใต้ พ.ร.ก.แก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อช่วยเหลือเยียวยา และบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ได้รับผลกระทบในสังคม อีกวงเงินไม่เกิน 20,000 ล้านบาท

โดยการเสนอขายพันธบัตรกรีนบอนด์ครั้งนี้ เป็นการออกพันธบัตรรัฐบาลไทยที่กระทรวงการคลังเป็นผู้กู้ โดยส่วนหนึ่งนำไปปรับโครงสร้างหนี้โดยให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กู้ต่อ 10,000 ล้านบาท และวงเงินอีก 20,000 ล้านบาทจะเข้า พ.ร.ก.เยียวยาผลกระทบโควิด โดยจะเปิดขายเฉพาะนักลงทุนสถาบัน ฉะนั้นอาจจะมีดีมานด์และซัพพลายไม่เหมือนการออกพันธบัตรออมทรัพย์ ดังนั้นคาดว่าน่าจะเริ่มสำรวจความต้องการซื้อและจัดสรร (Book building) ได้ในวันที่ 13 ส.ค.63 และส่งมอบพันธบัตรได้วันที่ 19 ส.ค.63

“สบน.ยังมีแผนที่จะออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนสำหรับโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ตามแผนพัฒนาตลาดพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนให้มีสภาพคล่องสูงและสอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุน โดยหนุนรัฐวิสาหกิจดำเนินออกพันธบัตรดังกล่าว ซึ่งปีนี้นำร่องคือ ธ.ก.ส.และการเคหะแห่งชาติ” นางแพตริเซียกล่าว

โดยการจัดจำหน่ายครั้งนี้จะมีทั้งหมด 3 ธนาคารหลักคือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารสแตนดาร์ด

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) กล่าวว่า กรีนบอนด์วงเงิน 10,000 ล้านบาท รัฐบาลรับภาระหนี้ทั้งหมด ซึ่งรายละเอียดโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มปัจจุบันมีระยะทาง 22 กิโลเมตร โดยมีความคืบหน้าการก่อสร้าง 65% และคาดว่จะเสร็จให้บริการได้ช่วงปี 2565

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธนาคารต้องการเป็นส่วนหนึ่งช่วยแก้ไขปัญหาโลกร้อน การบุกรุกทำลายป่า รวมถึงการกัดเซาะและทำลายหน้าดิน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงอนุมัติให้ ธ.ก.ส.ออกกรีนบอนด์จำนวน 20,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ โดยชุดแรกที่จะออกในปีนี้มูลค่า 6,000 ล้านบาท ขายเฉพาะนักลงทุนสถาบัน เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้ในโครงการสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อที่สนับสุนให้เกิดปลูกป่าสร้างรายได้ รวมถึงปลูกป่าเศรษฐกิจ และการให้สินเชื่อตลอดห่วงโซ่มูลค่า

โดยคาดว่ากรีนบอนด์ชุดแรกที่จะสามารถเพิ่มผืนป่าให้ประเทศได้ไม่ต่ำกว่า 5 แสนไร่ มีจำนวนต้นไม้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 100 ล้านต้น คิดเป็นมูลค่าของต้นไม้ไม่ต่ำ 4 แสนล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน ธ.ก.ส.ก็รับไม้มีค่าเหล่านี้เป็นหลักประกันสินเชื่อด้วย และคาดการณืจะเก็บก๊าชคาร์บอนได้ออกไซด์ได้มากกว่า 9.5 แสนตันต่อปี และจัดการคาร์บอนเครดิตให้กับชุมชนได้ไม่ต่ำกว่า 95 ล้านบาท ยังไม่รวมถึงรายได้ที่ชุมชนจะใช้ประโยชน์จากป่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี โดยคาดว่าเกษตรกรที่จะได้ประโยชน์จากโครงการนี้จะมีไม่ต่ำกว่า 38,000 ครัวเรือน จะมีการจ้างงานในพื้นที่ช่วงแรกของการเข้าไปปลูกป่าไม่ต่ำกว่า 1.55 แสนคน

นายวิญญา สิงห์อินทร รองผู้ว่าการ การเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ 20 ปี การเคหะฯ มีแผนที่จะสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงที่อยู่อาศัย 2.7 ล้านครัวเรือน จึงตั้งเป้าในปี 2563 จะออกพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสังคม วงเงิน 6.8 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะออกมาได้ช่วงเดือน ก.ย. เพื่อระดมทุนไปใช้พัฒนาโครงการเช่าซื้อสำหรับประชาชนที่มีรายได้น้อยและปากลาง และโครงการรีไฟแนนซ์การลงทุนประเภทเช่าหรือซื้อ รวมถึงภาระหนี้ที่เกิดจากการเช่าซื้ออย่างไรก็ดี ตั้งแต่ปี 2516 จนถึงปัจจุบัน การเคหะฯ ได้พัฒนาที่อยู่อาศัยให้ประชาชนเข้าถึงได้กว่า 7 แสนหน่วย และได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อของสถาบันการเงินกว่า 3.5 แสนหน่วยแล้ว