แบงก์ทุ่มปันผล 3 หมื่นล้าน “TISCO” แจกสูงสุด 6.30 บาท

แบงก์ปิดสาขา มากสุดไทยพาณิชย์

แบงก์พาณิชย์พาเหรดประกาศจ่ายปันผลงวดปี’63 เผย 8 แบงก์ควักเงินรวมกันราว 3.2 หมื่นล้านบาทเศษ จ่ายปันผลตั้งแต่ 0.005-6.30 บาท “ทิสโก้”ครองแชมป์หุ้นปันผลสูง อัตราเงินปันผลสูงสุดเฉียด 7%

ขณะที่ “ไทยพาณิชย์” จ่าย 2.30 บาท ต้องควักเงินจ่ายสูงสุด 7.8 พันล้านบาท ขณะที่ “แบงก์กรุงเทพ-กสิกรไทย” จ่าย 2.50 บาทเท่ากัน “บล.เอเซีย พลัส”เชียร์ซื้อหุ้นเด่น “TISCO-KBANK-BBL” พื้นฐานแกร่ง เก็งเศรษฐกิจฟื้นตัวครึ่งหลังปี’64

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่าขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ประกาศจ่ายปันผลสำหรับผลดำเนินงานประจำปี 2563 กันออกมาแล้ว โดยพบว่า 8 แบงก์ที่ประกาศจ่ายเงินปันผลแล้ว

มีการใช้เงินรวมกัน 32,549 ล้านบาท เริ่มจากธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ที่จะจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 2.30 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 7,818 ล้านบาท โดยจะกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิ์รับปันผล (XD) ในวันที่ 21 เม.ย. 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 พ.ค. 2564

ถัดมา ธนาคารกรุงเทพ (BBL) จ่ายปันผลหุ้นละ 2.50 บาท เป็นเงิน 4,772 ล้านบาท กำหนด XD วันที่ 22 เม.ย. 2564 และจ่ายจริงวันที่ 10 พ.ค. 2564, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) จ่ายปันผลหุ้นละ 0.35 บาท เป็นเงิน 2,575 ล้านบาท กำหนด XD วันที่ 11 พ.ค. 2564 และจ่ายจริงวันที่ 27 พ.ค. 2564,

กลุ่มการเงินทิสโก้ (TISCO) จ่ายปันผลหุ้นละ 6.30 บาท เป็นเงิน 5,044 ล้านบาท กำหนด XD วันที่ 29 เม.ย. 2564 และจ่ายจริงวันที่ 17 พ.ค. 2564, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) จ่ายปันผลหุ้นละ 0.005 บาท เป็นเงิน 174 ล้านบาท กำหนด XD วันที่ 22 เม.ย. 2564 และจ่ายจริงวันที่ 7 พ.ค. 2564

ธนาคารทหารไทย (TMB) จ่ายปันผลหุ้นละ 0.045 บาท เป็นเงิน 4,338 ล้านบาท กำหนด XD วันที่ 30 เม.ย. 2564 และจ่ายจริงวันที่ 20 พ.ค. 2564, ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) จ่ายปันผลหุ้นละ 2.25 บาท เป็นเงิน 1,905 ล้านบาท

กำหนด XD วันที่ 30 เม.ย. 2564 และจ่ายจริงวันที่ 20 พ.ค. 2564 และธนาคารกสิกรไทย (KBANK) จ่ายปันผลหุ้นละ 2.50 บาท เป็นเงิน 5,923 ล้านบาท กำหนด XD วันที่ 21 เม.ย. 2564 และจ่ายจริงวันที่ 7 พ.ค. 2564

นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส กล่าวว่า ภาพรวมการจ่ายเงินปันของงวดปี 2563 ของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ ยกเว้น TISCO ที่สูงกว่าคาดการณ์ที่อัตราเงินปันผล (dividend yield) เกือบ 7%

อย่างไรก็ดี มูลค่าเงินปันผลของกลุ่มแบงก์ปรับลดลงจากปีก่อน (งวดปี 2562) โดยเป็นไปตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ระบุให้สถาบันการเงินสามารถจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานของปี 2563 ได้ไม่เกินอัตราการจ่ายในปี 2562 และต้องไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิในปี 2563 เพื่อรองรับความไม่แน่นอนภายใต้การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

ขณะที่แนวโน้มการจ่ายปันผลงวดปี 2564 หากพิจารณาจากหนังสือเวียนของ ธปท. ลงวันที่ 12 พ.ย. 2563 ตีความได้ว่า ข้อจำกัดเรื่องการจ่ายเงินปันผล มีผลเฉพาะงวดปี 2563 ดังนั้น ในกรณีที่ไม่มีคำสั่งเพิ่มเติมจาก ธปท. ประเมินว่าแบงก์จะสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลได้ตามนโยบายของแต่ละแบงก์

ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 อีกทั้งสถานะเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง จึงมีโอกาสที่จะเห็นการกลับมาจ่ายเงินปันผลได้ในอัตราปกติก่อนช่วงโควิด-19 อย่างไรก็ดี แนะนำนักลงทุนติดตามดุลพินิจและประกาศจาก ธปท.อีกครั้ง

“ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ให้น้ำหนักหุ้นธนาคาร ‘เท่ากับตลาด’ (neutral)ภายใต้สมมติฐานสถานการณ์โควิด-19ผ่อนคลายลง และปัจจัยบวกที่วัคซีนป้องกันโควิด-19 เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว

ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมาโดยคาดหวังการกระจายวัคซีนเข้าถึงประชาชนทั่วไปในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทำได้รวดเร็วขึ้น และภาคการท่องเที่ยวที่มีโอกาสฟื้นตัวในไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป”

นายภาสกรกล่าวว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำหุ้นเด่น (top picks) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ได้แก่ TISCO ราคาเหมาะสม 102.00 บาท เนื่องจากมีความแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) และ BIS ratio อยู่ในระดับสูงสุดในกลุ่ม

รวมถึงมีอัตราส่วนเงินตั้งสำรองต่อหนี้ (coverage ratio) ที่แข็งแกร่ง ถัดมาแนะนำ KBANK ราคา 155.00 บาท คาดว่าจะได้อานิสงส์จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 อีกทั้งธนาคารมีทิศทางการปรับเข้าสู่ดิจิทัลที่ค่อนข้างดี และสุดท้าย แนะนำ BBL ราคา 154.00 บาท

เนื่องจากราคาหุ้นยังปรับขึ้นไม่มาก เมื่อเทียบกับกลุ่ม (laggard) รวมถึงอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV ratio) ยังค่อนข้างต่ำ ที่ประมาณ 0.5 เท่า