กรมศุลฯแก้เกมรายได้ต่ำเป้า เร่งจัดซื้อเครื่อง X-Ray เพิ่ม “ปิดรูรั่ว” ภาษี

เก็บภาษี

อธิบดีกรมศุลกากรรับปีนี้เก็บรายได้หลุดเป้า เร่งเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บ-ติดตั้งเครื่องเอกซเรย์สแกนของผิดกฎหมายในสนามบินที่ “ดอนเมือง-ภูเก็ต” เพิ่ม หลังติดตั้งที่ “สุวรรณภูมิ” ไปแล้ว 23 เครื่อง ประเมินหลังเริ่มฉีดวัคซีนเห็นสัญญาณแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้นหนุนเก็บรายได้จากการนำเข้า พร้อมขยายเวลาเว้นภาษีให้เศรษฐีต่างชาตินำ “เรือยอชต์-เรือสำราญ” มาจอดในไทยยาว 2 ปี 6 เดือน ดึงเงินเข้าประเทศ

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ยอมรับว่าการจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากรในปีงบประมาณ 2564 (ต.ค. 2563-ก.ย. 2564) จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ตามเอกสารงบประมาณที่มีจำนวน 1.04 แสนล้านบาท เนื่องจากช่วงที่ประเมินการจัดเก็บรายได้พิจารณาบนสมมุติฐานเศรษฐกิจขยายตัว 5% อย่างไรก็ดี ในเดือน ก.พ. 2564 กรมสามารถจัดเก็บรายได้ได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

ถือว่าเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังเพียงกรมเดียวที่สามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นได้ โดยส่วนใหญ่มาจากการนำเข้ารถยนต์ และสินค้าทุน เช่น โรงงานนำเข้าเครื่องจักร เป็นต้น

“ตอนนี้กรมศุลกากรยังเป็นกรมเดียวที่จัดเก็บรายได้ได้สูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว แต่อย่าเปรียบเทียบกับประมาณการตามเอกสารงบประมาณ เพราะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากขณะนั้นพิจารณาบนฐานที่จีดีพีโต 5% แต่ขณะนี้ประเมินว่าจีดีพีปีนี้จะต่ำกว่านั้น รวมทั้งมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดด้วย” นายพชรกล่าว

โดยกรมมีแผนเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ด้วยการขยายการติดตั้งเครื่องเอกซเรย์คร่อมสายสะพานลำเลียงกระเป๋า เพื่อตรวจสอบสิ่งของผิดกฎหมายในกระเป๋าเดินทางที่โหลดมาใต้ท้องเครื่องบินทุกใบ เพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีนำเข้า โดยช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา กรมติดตั้งเครื่องดังกล่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิไปแล้ว 23 เครื่อง กว่า 300 ล้านบาท หากสถานการณ์โควิดดีขึ้น จะเดินหน้าติดตั้งที่สนามบินดอนเมือง และสนามบินภูเก็ต เพื่อให้ครอบคลุม และเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับสินค้าหลบภาษี

“หลังจากติดตั้งเครื่องเอกซเรย์มาสักระยะ พบว่า สามารถจับกุมของผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด สินค้าแบรนด์เนม เป็นต้น ได้มากขึ้นกว่าเดิม แม้ช่วงนี้จะอยู่ในช่วงควบคุมการเดินทางเข้าออกต่างประเทศ จากสถานการณ์โควิดก็ตาม” นายพชรกล่าว

อธิบดีกรมศุลกากรกล่าวอีกว่า จากการประเมินสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจขณะนี้ พบว่า บรรยากาศทั่วโลกเริ่มดีขึ้น หลังจากเริ่มมีวัคซีน ซึ่งจะทำให้บรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอยดีขึ้นด้วย

ขณะเดียวกัน นโยบายของรัฐบาลที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจก็เห็นผล และปัจจุบันแนวโน้มตัวเลขการนำเข้าสินค้าก็ดูดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2563 ถึงต้นเดือน ม.ค. 2564

“ขณะนี้ตัวเลขการนำเข้าส่งสัญญาณดีขึ้น เริ่มมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการจัดเก็บรายได้ของกรมด้วย” อธิบดีกรมศุลกากรกล่าว

ขณะที่ข้อมูลจากกระทรวงการคลัง พบว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2564 การจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมภาษี ได้แก่ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร จัดเก็บรายได้ต่ำรวมกันต่ำกว่าประมาณการไป 51,131 ล้านบาท หรือต่ำเป้า 6.7% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 76,863 ล้านบาท หรือต่ำเป้า 9.7% โดยกรมศุลกากรจัดเก็บรายได้ที่ 32,853 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าไป 1,847 ล้านบาท หรือต่ำเป้า 5.3% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 2,525 ล้านบาท หรือ 7.1%

ขณะที่กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าไป 10,993 ล้านบาท หรือต่ำเป้า 5.4% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 9.6% และกรมสรรพากรเก็บรายได้ที่ 486,655 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าไป 7.3% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 10%

นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากร ได้ขยายระยะเวลาการยกเว้นการจัดเก็บภาษีอากร สำหรับเรือสำราญและเรือยอชต์ที่นำเข้ามากับเจ้าของเป็นการชั่วคราวและนำกลับไป จากเดิม 6 เดือน เป็น 2 ปี 6 เดือน นับจากวันที่นำเข้า โดยต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ประกาศกำหนด และต้องรายงานต่อกรมศุลกากรทุก 6 เดือนทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ และเสริมสร้างให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางมารีน่าของอาเซียน