“กรุงไทย” เดินทางครั้งใหม่ พลิกเกมธุรกิจ พุ่งเป้าเทคคอมปะนี

ธนาคารกรุงไทยกำลังเดินทางครั้งใหม่ หลังจากล่าสุดได้ประกาศร่วมทุนกับพันธมิตรบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก (global technology firm) “เอคเซนเชอร์ โซลูชั่นส์” โดยจัดตั้งบริษัท “Arise by Infinitas” ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ รองรับการขยายธุรกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ซึ่งบริษัทร่วมทุนมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท โดยบริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินของธนาคาร เข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 51% : 49%

ผนึกพันธมิตรพลิกเกมธุรกิจ

“ผยง ศรีวณิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ปัจจุบันเส้นแบ่งการแข่งขันเริ่มเบลอขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งแบงก์ น็อนแบงก์ (ผู้ให้บริการการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร) รวมถึงโนแบงก์ (ผู้ให้บริการที่ไม่มีตัวตน) แต่บริการทางการเงิน (financial services) ยังคงอยู่ แต่จะเป็นรูปแบบใหม่ ที่มีความท้าทาย ต้องขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล ดาต้า (ข้อมูล) และ AI (ปัญญาประดิษฐ์)

“เราเชื่อว่าการที่จะไปแข่งขันได้จริง ๆ ต้องมีจิตวิญญาณที่จะดึงดิจิทัลเข้ามาในเรื่องการใช้โอกาสให้ครบองคาพยพ ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าเมื่อเกิดระบบนิเวศ (ecosystem) และการเชื่อมต่อ (connectivity) ใครที่มีระบบสมบูรณ์กว่า ปลอดภัยกว่า และสร้างความมั่นใจได้ ย่อมได้เปรียบ ดังนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ พันธมิตร”

ตั้งเป้าปั้นคนเทคระดับโลก

“ผยง” บอกว่า Arise by Infinitas ตั้งเป้าหมายดำเนินธุรกิจด้วยแนวทาง TechFin เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนองค์กรรองรับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านนวัตกรรมทางการเงิน และการพัฒนาบุคลากร

โดยมุ่งพัฒนาโครงการและโซลูชั่นใหม่ ๆ ที่จะเร่งให้ธนาคารกรุงไทยสามารถปรับกระบวนการปฏิบัติงานต่าง ๆ ให้เป็นดิจิทัล (digitization) และปรับไปสู่ cloud-centric model ได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นรากฐานของการเติบโตในประเทศไทยและในระดับภูมิภาคของธนาคารในระยะยาว

“Arise by Infinitas ตั้งเป้าพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีที่มีมาตรฐาน มีประสบการณ์การทำงานระดับ world class ด้วยการสร้างฐานบุคลากรในประเทศ และดึงกลุ่ม technology talents จากต่างประเทศมาร่วมงาน ซึ่งเชื่อมั่นว่า บุคลากรของ Arise จะมีศักยภาพเทียบเท่าองค์กรชั้นนำในระดับโลก สามารถสร้าง impact ต่อกลุ่มธนาคารและการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศ ซึ่งด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของเอคเซนเชอร์ฯจะสนับสนุนการดำเนินงานของ Arise ทั้งการ set up องค์กรให้ดึงดูด talents จากทั่วโลก”

นอกจากนี้ มีแผนจัดตั้ง virtual office ในอีกหลายประเทศ โดยคาดว่าภายใน 5 ปี Arise by Infinitas จะมีมูลค่ากิจการสูงถึง 20,000 ล้านบาท สามารถสร้างทีม digital talents ได้กว่า 1,500 คน

ทะลุมิติบริการทางการเงิน

“ผยง” กล่าวอีกว่า จากความร่วมมือดังกล่าว ธนาคารจะมุ่งเน้นยกระดับการแข่งขันและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยและของประเทศ ซึ่งฐานลูกค้าของกรุงไทยเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ส่วนใหญ่เป็นต่างจังหวัด ตั้งแต่ระดับฐานราก จนถึงสังคมเมือง โดยปัจจุบันกรุงไทยมีแอป “เป๋าตัง” เป็นตัวหลัก ที่จะเป็นมากกว่าการให้บริการทางการเงิน

“เรายังเน้นว่าเป๋าตังเป็น Thailand Open Digital Platform ฉะนั้น จะเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดและเหนือกว่าการให้บริการทางการเงิน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะพัฒนา แต่แน่นอนว่าการให้บริการของเรา การดำเนินธุรกิจของเรา สามารถที่จะเป็น banking หรือ financial services ได้ จะต้องตอบโจทย์ได้ทั้ง 2 มิติ”

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาแอปเป๋าตังทำให้ธนาคารสามารถเข้าถึงคนไทยกว่า 50 ล้านคน และร้านค้ากว่า 1.5 ล้านร้านค้า

“เป๋าตัง” ตอบทุกโจทย์การลงทุน

“รวินทร์ บุญญานุสาสน์” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทยเสริมว่า สิ่งที่จะเพิ่มเข้าไปบนแอปเป๋าตัง คือ ความลึกและความกว้างของสินทรัพย์ โดยความกว้าง หมายถึง ความพยายามในการขยายฐานของผู้ออกตราสาร เพื่อให้มีความหลากหลายครอบคลุม และในแง่ของความลึกหมายถึง สินทรัพย์ควรจะมีมิติ มีความซับซ้อน ซึ่งจะช่วยให้สามารถต่อยอดบริการต่อไปได้

“สิ่งที่ต้องการจะทำต่อไปหลังจากนี้ คือ การนำไอเดียใหม่ ๆ เข้ามาประยุกต์เข้ากับตัวสินทรัพย์ที่อยู่ใน ecosystem เพื่อที่จะสร้างระบบทางการเงินที่ครบวงจร เพื่อให้มี ecosystem ที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักลงทุน และเพื่อให้เป๋าตังเป็นแอปพลิเคชั่นที่ตอบโจทย์การลงทุน” นายรวินทร์กล่าว

เตรียมขายกองทุนบน “เป๋าตัง”

ขณะที่ “ชวินดา หาญรัตนกูล” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในระยะต่อไป จะมีผลิตภัณฑ์กองทุนเข้ามาเป็น ecosystem แบบเบ็ดเสร็จบนแอปเป๋าตัง มีการเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์อื่นที่อยู่บนแอปเป๋าตัง โดยน่าจะได้เห็นในปี 2565 นี้

“เราพยายามจะสร้างการเข้าถึงข้อมูลการลงทุนที่ง่ายขึ้น เราพูดคุยกับทางอินฟินิธัสฯมาตลอด โดยเรามองว่าแพลตฟอร์มจะไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ แต่จะต้องเป็นสิ่งที่ลูกค้าสามารถเรียนรู้ได้เอง เข้าใจการลงทุนได้เองแบบง่าย ๆ และสามารถจับต้องได้”

หนุนพัฒนาตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

ฟาก “ภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์ technology disruption และการระบาดของโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้ทุกภาคส่วนก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลเร็วยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะภาคตลาดเงินและตลาดทุน เกิดบริการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ภาคเอกชน และซื้อขายทองคำ ผ่านช่องทางดิจิทัลแบบครบวงจร เป็นการเปิดโอกาสให้คนไทยทุกกลุ่ม ทุกวัย สามารถเข้าถึงการออมและการลงทุนได้ง่ายยิ่งขึ้น

ซึ่งในระยะถัดไปจะเห็นประเทศเร่งพัฒนาตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (digital asset) อย่างมีคุณภาพ ซึ่งจำเป็นต้องมีบุคลากรที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่เพียงพอ

“การเปิดตัวบริษัท Arise จึงเป็นอีกหนึ่งความหวังของประเทศในการสร้าง word-class talents มาร่วมพัฒนาตลาดเงินตลาดทุน และตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศ สร้างกลไกตลาดการจัดสรรทรัพยากรเงินทุนให้เข้าถึงได้ทุกคน บนต้นทุนที่เป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน”

จากทั้งหมดนี้ จะทำให้ธุรกิจของกรุงไทยพลิกไปแค่ไหน หรือจะก้าวไปสู่ “ความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด” ได้หรือไม่ คงต้องติดตาม