ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2560 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (4/12) ที่ 32.63/65 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (1/12) ที่ 32.60/62 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1/12) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือน ต.ค. สู่ระดับ 1.24 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการก่อสร้างในภาครัฐ และการลงทุนในภาคเอกชน นอกจากนี้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (2/12) วุฒิสภาสหรัฐมีมติรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีด้วยคะแนนเสียง 51.46 ส่วนขั้นตอนต่อไปนั้น สภาคองเกรสสหรัฐจะต้องรวมร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเป็นร่างเดียวกัน และให้การอนุมัติ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเป็นกฎหมายต่อไป โดยในการลงมติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีครั้งนี้ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันทุกคนยกเว้นนายบ๊อบ คอร์กเกอร์ ได้ลงคะแนนเสียงรับรองร่างกฎหมายฉบับนี้ ขณะที่วุฒิสมาชขิกจากพรรคเดโมแครตทุกคนลงคะแนนเสเสียงไม่รับรองร่างกฎหมาย นอกจากนี้นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาสถานการณ์ “ชัตดาวน์” ในสหรัฐอย่างใกล้ชิด โดยต่างก็รอดูว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติการใช้จ่ายเพื่อให้รัฐบาลมีงบประมาณในการบริหารประเทศหลังจากวันศุกร์ที่ 8 ธ.ค.นี้ หรือไม่ ซึ่งหากสภาคองเกรสให้การอนุมัติ ก็จะช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐหรือชัตดาวน์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกังวลว่าการลงมติของสภาคองเกรสในครั้งนี้อาจเผชิญกับความไม่แน่นอน หลังจากแกนนำพรรคเดโมแครตได้ประกาศยกเลิกกำหนดการประชุมร่วมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่ ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า เขาเชื่อว่าจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใด ๆ กับพรรคเดโมแครตเพื่อหลีกเลี่ยงการ “ชัตดาวน์” หน่วยงานรัฐบาลได้ ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.62-32.67 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 32.62/64 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับค่าเงินยูโรวันนี้ (4/12) เปิดตลาดที่ระดับ 1.1873/74 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (1/12) ที่ระดับ 1.1903/05 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1/12) สถาบันมาร์กิต ได้เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต ประจำเดือน พ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 60.1 จากระดับ 60.0 ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1835-1.1888 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1861/63 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับค่าเงินเยนในวันนี้ (4/12) เปิดตลาดที่ระดับ 112.71/74 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (1/12) ที่ระดับ 112.44/47 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1/12) กระทรวงสื่อสารและกิจการภายในประเทศของญี่ปุ่นเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานเดือน ต.ค. ปรับตัวขึ้น 0.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือน ก.ย. นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยอัตราว่างงานประจำเดือน ต.ค.อยู่ที่ระดับ 2.8% ซึ่งทรงตัวจากระดับของเดือน ก.ย. ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 112.39-113.06 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 112.95/96 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในช่วงต้นสัปดาห์นี้ได้แก่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของญี่ปุ่น (4/12) ดัชนีราคาผู้ผลิตของยูโรโซน (4/12) ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานของสหรัฐ (4/12) ยอดค้าปลีกของออสเตรเลีย (4/12) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของยูโรโซน (5/12) ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน (6/12) ดุลการค้าของออสเตรเลีย (6/12)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -2.5/-2.25 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -4.5/-2.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ