กรมควบคุมโรคพบผู้ป่วย “โรคสุกใส” มากสุด 5 จังหวัด

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคสุกใสในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1-29 ม.ค. 2561 ได้รับรายงานผู้ป่วยแล้ว 3,858 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ 10-14 ปี รองลงมา 7-9 ปี และ 15-24 ปี ส่วนใหญ่พบในเด็กนักเรียน โดยพบจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก คือ ภูเก็ต นราธิวาส แม่ฮ่องสอน ยโสธร และลําพูน ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานพบผู้ป่วยนักเรียนเป็นกลุ่มก้อน 4 เหตุการณ์ คือ จังหวัดมุกดาหาร 2 เหตุการณ์ มี 51 ราย จังหวัดปราจีนบุรีพบ 50 ราย และปทุมธานี พบ 66 ราย

นพ.สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่าจะพบผู้ป่วยโรคสุกใสเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงนี้ยังมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรคนี้มักพบในกลุ่มเด็กนักเรียน อาจพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนในสถานที่ที่อยู่ร่วมกัน เช่น โรงเรียน โรงงาน ศูนย์เด็กเล็ก เรือนจำ เป็นต้น ซึ่งโรคนี้จะมีจำนวนผู้ป่วยมากในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคมของปี โรคสุกใสเกิดจากเชื้อไวรัส เชื้อโรคอยู่ในน้ำมูก น้ำลายผู้ป่วย ติดต่อกันโดยการไอ จาม หายใจรดกัน หรือโดยการสัมผัส การใช้ของใช้ร่วมกับผู้ป่วย อาการป่วย ในเด็กจะมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ในผู้ใหญ่มักมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว และมีผื่นขึ้น พร้อมกับวันที่มีไข้ ต่อมาผื่นกระจายไปทั่วตัว บางรายอาจมีตุ่มในปาก ทำให้ปากลิ้นเปื่อย ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ ตุ่มจะตกสะเก็ดและค่อยๆ หายเองใน 1-3 สัปดาห์ โดยไม่มีแผลเป็น

“กรมควบคุมโรค ขอแนะนำให้ผู้ป่วยหยุดเรียน หยุดงาน พักผ่อนที่บ้าน ควรอาบน้ำและใช้สบู่ฆ่าเชื้อฟอกผิวหนังให้สะอาด ตัดเล็บให้สั้น หลีกเลี่ยงการแกะหรือเกาตุ่ม ถ้ามีไข้สูงให้กินยาพาราเซตามอลลดไข้ สำหรับประชาชนทั่วไปหลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย ล้างมือบ่อยๆ ไม่ดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ทั้งนี้ ผู้ที่เคยเป็นแล้วจะมีภูมิต้านทานตามธรรมชาติไปตลอดชีวิต ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422” อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว

 

ที่มา : มติชนออนไลน์