“อัศวิน” ยันเยียวยาผู้ค้าตลาดรอบบ้าน “ป้าทุบรถ” เต็มที่

เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ศาลาว่าการ กทม. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะผู้บริหาร กทม.หารือเรื่องกรณีพิพาทตลาดเขตประเวศ และแนวทางการแก้ไขปัญหาภายในซอยศรีนครินทร์ 55 เขตประเวศ กทม.ว่า สำหรับกรณีข้อพิพาทยังไม่มีข้อสรุป ขณะนี้อยู่ระหว่างประชุมในรายละเอียดอีกครั้ง โดยมีนายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. นายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผู้อำนวยการเขตประเวศ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม คาดว่าจะมีข้อสรุปชัดเจนในเร็วๆ นี้

“อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น กทม.จะปฎิบัติตามคำสั่งของศาลปกครองที่กำหนดวิธีคุ้มครองชั่วคราวผู้ฟ้องทั้ง 3 ราย ที่มีข้อพิพาทอยู่ คือ น.ส.บุญศรี น.ส.รัตนฉัตร และ น.ส.ราณี แสงหยกตระการ ซึ่งได้รับผลกระทบและเดือดร้อนจากการจัดตั้งตลาด ทั้งทางเสียง กลิ่น แสง และผู้จับจ่ายซื้อของภายในตลาดรอบบ้าน รวมถึงเหตุเสียงดังรำคาญ ส่วนนี้ กทม.อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามคำสั่งของศาล พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจัดจราจรไม่ให้เจ้าของได้รับผลกระทบจากการจอดรถกีดขวางทางเข้า-ออกบ้าน ส่วนตลาดที่มีปัญหาทั้ง 5 แห่งนั้น ตลาดใดที่สั่งปิดกิจการ ก็ให้ไปดำเนินการตามกฎหมาย แล้วกลับมาขอใบอนุญาตให้ถูกต้อง ส่วนตลาดที่ต้องแก้ไข จำเป็นต้องแก้ไขตามข้อกฎหมายให้ถูกต้อง ขณะที่ตลาดอื่นทั่วกรุงเทพฯนั้น เบื้องต้นพบมีตลาดได้ขออนุญาตก่อสร้างอาคารตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และใบอนุญาตจัดตั้งตลาดตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 รวม 347 แห่ง และตลาดที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กทม.อยู่ระหว่างสำรวจทุกตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯ เพราะฉะนั้นตลาดใดที่ยังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้เจ้าของตลาดขออนุญาตก่อสร้างและจัดตั้งตลาดให้ถูกต้องด้วย” พล.ต.อ.อัศวินกล่าว

นอกจากนี้ พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า ขณะเดียวกัน ตลาดที่มีข้อพิพาทนั้น กทม.ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ประกอบด้วย สมาชิกสภา กทม. ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และรองอธิบดีอัยการ สำนักงานการบังคับคดี สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นต้น เพื่อให้ได้ผลสรุปเป็นธรรมที่สุด

พล.ต.อ.อัศวินยังกล่าวถึงแนวทางการเยียวยาผู้ค้าว่า นอกจาก กทม.ต้องเยียวยาผู้ฟ้องแล้ว จะต้องดูแลกลุ่มผู้ค้าที่ได้รับผลกระทบจากการปิดตลาดด้วย ถือว่าผู้ค้าเป็นที่มีเจตนาบริสุทธิ์ คงไม่มีทางรู้ว่าตลาดที่ค้าขายนั้นถูกหรือผิดกฎหมาย เพราะตลาดได้เปิดให้ผู้ค้ามาเช่าขาย ขณะที่ผู้ค้ามีเจตนาบริสุทธิ์ก็ไปเช่าทำการค้า ดังนั้น ผู้ค้าเป็นบุคคลที่สาม เป็นเหยื่อที่อยู่นอกเหนือความขัดแย้งระหว่างผู้ฟ้องและเจ้าของตลาด กทม.จะหาทางเยียวยาอย่างเต็มที่ โดยจะจัดหาพื้นที่รองรับลดผลกระทบจากความเดือดร้อน คนไทยด้วยกัน ยืนยันว่าต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว

 

ที่มา : มติชนออนไลน์