เอ็มดีกรุงเทพธนาคม เปิดเผย โครงการสายสื่อสารลงดินเข้าคิวโดน ป.ป.ช.สอบสวน ผู้บริหาร กทม.-KT ประสานเสียง สั่งระงับโครงการ ผุดไอเดียซ่อมทางเท้าคู่นำสารสื่อสารลงดินลดต้นทุน
วันที่ 21 มีนาคม 2566 นายประแสง มงคลศิริ กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ KT เปิดเผยว่า โครงการท่อร้อยสารสื่อสารใต้ดินของกรุงเทพธนาคมอยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
โดยจากข้อเท็จจริงที่ให้การต่อ ป.ป.ช.นั้น เป็นการยืนยันว่าผู้บริหารบริษัทชุดปัจจุบันได้สั่งระงับโครงการนี้ไปแล้ว และได้ชี้แจงถึงความคืบหน้างานก่อสร้างที่ผ่านมา 3 ปี โดยพบว่าก่อสร้างแล้วเสร็จเพียง 9.9 กิโลเมตร โดยใช้เงินลงทุนของบริษัทไปแล้วราว 200 ล้านบาท ประกอบด้วย
- ค่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา 5 สัญญา รวม 81 ล้านบาท
- ค่าก่อสร้างท่อร้อยสาย 4 สัญญาหลักและอีก 1 สัญญาย่อย รวมเป็นค่าก่อสร้าง 118 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาค่าก่อสร้างตามสัญญากับผู้รับเหมาที่ค้างอยู่อีกราว 100 ล้านบาท
ด้านนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในส่วนของโครงการที่ดำเนินโดยบริษัทกรุงเทพธนาคม ได้มีการสั่งการให้ยกเลิกโครงการไปแล้ว เนื่องจากปัญหาในการดำเนินการโครงการ โดยเฉพาะส่วนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จไม่มีผู้เช่าใช้ ส่วนที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช. จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับแนวทางการดำเนินการนำสายสื่อสารลงดิน ปัจจุบันมีบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (NT) เป็นเจ้าภาพให้บริการหลัก ซึ่งในส่วนของเส้นทางที่มีการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องนำสายสื่อสารลงดิน เนื่องจากไม่สามารถนำสายสื่อสารไปฝากยังเสาไฟฟ้าได้
โดยการนำสายสื่อสารลงดินประสบปัญหาว่าต้นทุนการให้บริการค่อนข้างสูงจึงทำให้ค่าเช่าท่อร้อยสายสื่อสารสูงตามไปด้วย คือประมาณ 8,900 บาทต่อกิโลเมตรต่อเดือน แต่ค่าเช่าในการฝากสายสื่อสารกับเสาไฟฟ้ามีค่าเช่าเพียง 2,200 บาทต่อกิโลเมตรต่อปี
ต้นทุนในการนำสายสื่อสารลงดินส่วนใหญ่คือการขุดบริเวณทางเท้าเพื่อวางท่อร้อยสาย กรุงเทพมหานครจึงเกิดแนวคิดว่าจะให้เป็นการดำเนินการคู่ไปกับการซ่อมบำรุงทางเท้าได้หรือไม่ หากสามารถทำได้จะสามารถลดต้นทุนได้เท่าไหร่ และจะลดค่าเช่าได้เท่าใด