“จุรินทร์” เอาไม่อยู่ ถึงมือ ประยุทธ์-ศบค. ตั้ง 3 อนุกก.หน้ากากอนามัย-เวชภัณฑ์แห่งชาติ

แฟ้มภาพ

เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวัน ภายหลังการประชุม ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธาน ว่า นายกรัฐมนตรีชื่นชมมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) นอกจากนี้ยังรับทราบการรายงานสถานการณ์ประจำวันจากหัวหน้าหน้าผู้รับผิดชอบทั้ง 6 ด้าน ดังนี้

ระดมโรงแรมกางเตียงสนาม 250 แห่ง

ปลัดกระทรวงสาธารณสุขหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับสาธารณสุขทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรรายงานสถานการณ์มีผู้ป่วยใหม่ 91 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้น 1,136 คน มีผู้เสียชีวิตใหม่ 1 ราย อายุ 50 ปี กลับจากการปฏิบัติศาสนกิจ ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 5 ราย ทั้งนี้ แนวโน้มผู้ติดเชื้อในต่างจังหวัดยังน่ากังวล เพราะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

สำหรับจำนวนเตียงในกรุงเทพมหานคร (กทม.) ภาครัฐและเอกชน โรงเรียนแพทย์และทหาร โดยมีการปรับโรงแรมใน กทม.นำมาเป็นโรงพยาบาลเฉพาะกิจสำหรับรักษาผู้ป่วยเล็กน้อยจำนวน 250 แห่ง ทั้งนี้ ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้ผู้พักโรงแรมติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากเป็นความเชื่อที่ผิด

ขณะที่จำนวนเตียงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีเพียงพอ และได้ติดตามเวชภัณฑ์คงคลังเป็นเรียลไทม์ ทั้งเวชภัณฑ์ที่ใช่ยาและไม่ใช่ยา เพื่อใช้ให้เพียงพอต่อความต้องการ

“ได้รับการจัดสรรงบกลางจำนวน 1,500 ล้านบาท เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นศูนย์จัดซื้อและกระจายอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงชุดตรวจในห้องปฏิบัติการ ซึ่งมีการต้องการสูงมาก นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังอนุมัติให้บริษัทเอกชนจำหน่ายชุดตรวจ (PCR) โดยมีบริษัทนำมาเสนอ 12 บริษัท และแรพบิทเทสเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด เพิ่มอีก 3 บริษัท”

มท.เพิ่มจุดตั้งด่านเข้ม กทม.- ภาคตะวันออก – 3 จชต.

ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รายงานจังหวัดที่มีผู้ป่วยจำนวนมากและมีความเสี่ยงสูง โดยขอยกระดับการสกัดกั้นและยับยั้งการแพร่ระบาดในพื้นที่ 1.กทม.และปริมณฑล 2.ชลบุรี พัทยา ระยอง 3.อุบลราชธานี และ 4.เน้นหนักมากเป็นพิเศษ คือ กลุ่มชายแดนใต้ ได้แก่ สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และภูเก็ต

“ข้อเสนอการยกระดับบางจังหวัดของปลัดกระทรวงมหาดไทยให้ไปพิจารณาปรับใช้ บางแห่งปิดเฉพาะพื้นที่ เช่น ชายหาด ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องปิดเมือง หรือการประกาศเคอร์ฟิว”

ถก 7 เสือไข่ไก่แพง

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการควบคุมสินค้า รายงานมาตรการการดูแลสินค้าราคาแพง เช่น ไข่ไก่เกินราคา โดยกระทรวงพาณิชย์ได้เข้าไปพูดคุยกับสมาคมผู้ประกอบการไข่ไก่ 7 รายใหญ่ ซึ่งมีปัญหาจากพ่อค้าคนกลางทำให้ราคาสูงขึ้น

“ถ้าใครขายเกินราคากระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปจับกุม เราเป็นประเทศเกษตร มีกินมีใช้แน่นอน ซึ่งนายกรัฐมนตรีห่วงใยเรื่องนี้เป็นอย่างมาก”

โอเปอเรเตอร์มือถือในห้างเปิดได้

สำหรับการค้าปลีก เดลิเวอรี่ ไลน์แมน ยังยืนยันไม่ขึ้นราคา ส่วนการปิดห้างสรรพสินค้านั้น ผ่อนผันให้ร้านที่เป็นศูนย์บริการโอเปอเรเตอร์เครือข่ายมือถือให้ได้การผ่อนผัน แต่ต้องมีมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเข้มงวด เช่น เว้นระยะห่าง 1 เมตร เจล หน้ากากอนามัย ส่วนการขนส่งสินค้าเข้า-ออกใน กทม. และต่างจังหวัดได้ขอให้ผ่อนผัน

“ปัญหาหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพื่อป้องกันปัญหาเพื่อเติม ได้เสนอที่ประชุมพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 3 คณะ 1.คณะอนุกรรมการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยแห่งชาติ 2.คณะอนุกรรมการบริหารจัดการเวชภัณฑ์ระดับประเทศ และ 3.คณะอนุกรรมการบริหารจัดการการส่งออกหน้ากากอนามัย

เช่าเหมาลำรับคนไทยในอิตาลี

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้ารับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการต่างประเทศ และคุ้มครองช่วยเหลือผู้มีสัญชาติไทยในต่างประเทศ รายงานว่าคนไทยในอิตาลีต้องการกลับไทย โดยกระทรวงต่างประเทศจะเครื่องบินเช่าเหมาลำกลับมายังประเทศไทย โดยกระทรวงต่างประเทศจะประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อหามาตรการคัดกรองและดูแลต่อไป

“การจัดเครื่องบินเช่าเหมาลำจากอิตาลียังไม่มีการพูดถึงเรื่องค่าใช้จ่าย หรือ วันเวลาในการนำคนไทยกลับมา ซึ่งกระทรวงต่างประเทศจะประชุมในวันจันทร์ที่ 30 มี.ค. และจะมีรายละเอียดอีกครั้ง”

ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสื่อสารโทรคมนาคม และสื่อสังคมออนไลน์ รายงานเรื่องข่าวปลอด (เฟคนิวส์) ให้ทุกกระทรวงทุกส่วนราชการตรวจสอบ รวมทั้งประชาชนทุกคน โดยโทรศัพท์ให้ข้อมูลหมายเลข 1111 โดยเพิ่มคู่สายรับแจ้ง

เพิ่มจุดตรวจกทม.-ปริมณฑล 377 จุด

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง จะเพิ่มจุดเน้นเพิ่มระดับให้ประชาชนอยู่บ้านมากขึ้น โดยเพิ่มจุดใน กทม.และปริมณฑล จำนวน 377 จุด