หมอประสิทธิ์แนะฉีดบูสเตอร์ให้ถึง 50% หากจะไม่สวมแมสก์

ศ นพ ประสิทธิ์ วัฒนาภา
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

หมอประสิทธิ์เผยหลายประเทศเปิดแล้ว โดยไม่ต้องประกาศเป็นโรคประจำถิ่น แนะไทยเร่งฉีดบูสเตอร์โดสให้ถึง 50% หากจะเริ่มไม่สวมหน้ากากกลางเดือน มิ.ย.

วันที่ 25 พฤษภาคม 2565 มติชนรายงานว่า ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยที่จะเข้าสู่โรคประจำท้องถิ่นในเดือนมิถุนายน ว่า สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกจะเห็นได้ว่าประเทศต่าง ๆ เปิดประเทศจนเกือบจะไม่ต้องพูดถึงว่าโรคระบาดหรือโรคประจำถิ่นแล้ว เพราะหากเราพูดถึงว่าโรคประจำถิ่นหรือไม่ ก็ต้องมาพูดถึงเกณฑ์ต่าง ๆ

ดังนั้น แต่ละประเทศจึงปรับมาตรการลดลง อย่างบางประเทศไม่ตรวจวัคซีนพาสปอร์ต (Passport) แล้ว ไม่พูดถึงเรื่องการตรวจหาเชื้อแล้ว จึงแสดงให้เห็นทิศทางทั่วโลกว่า โควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นสายย่อย BA.1 BA.2 หรือ 3 4 5 ไม่ได้ก่อเรื่องขึ้นมา รวมถึงการฉีดวัคซีนโควิดทั่วโลกจำนวนมากแล้ว

“หลายประเทศเปิดกันหมด โดยไม่ต้องประกาศเป็น Endemic แล้ว ดังนั้น หากถามผม ก็มองว่าในวันที่ 1 มิถุนายน คนไทยไม่ต้องกรอกไทยแลนด์พาสแล้ว ฉะนั้น จริง ๆ สัญญาณก็ออกมาว่าจะเปิดประเทศ ส่วนวัคซีนเข็มที่ 3 ฉีดครอบคลุมประมาณ 40% นิด ๆ จริง ๆ ผมอยากให้ถึง 50% แต่ถ้าจะเปิดกลางเดือนมิถุนายน วัคซีนก็น่าจะใกล้เคียง ถึงตอนนั้นก็น่าจะเซฟพอ หลักสำคัญคือคนกลุ่มเสี่ยง 608 ยังต้องเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นต่อ”

ประเทศที่เริ่มไม่ใส่แมสก์ ไม่พบยอดตายเพิ่ม

เมื่อถามถึงกรณีการถอดหน้ากากอนามัย ในช่วงเดือนมิถุนายน เช่น การสวมในพื้นที่โล่ง คนไม่แออัด และไม่มีความเสี่ยง ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า ความคิดเห็นส่วนตนมองว่า ประเทศทางยุโรปเริ่มดำเนินการเช่นนี้แล้ว คนที่เดินตามท้องถนนทั่วไป ที่คาดว่าได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว สวมหน้ากากเพียง 5% ส่วนเมื่อเข้าในอาคารก็มีจำนวนหนึ่งสวม จำนวนหนึ่งไม่สวม

ทั้งนี้ การนำตัวเลขติดเชื้อมาประเมินสถานการณ์จึงมีผลน้อยลง เนื่องจากหลายประเทศไม่ได้ตรวจแล้ว แต่มาดูเรื่องการเสียชีวิต โดยหลายประเทศที่เริ่มถอดหน้ากากอนามัยก็ยังไม่เกิดเหตุการณ์ว่าผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม เราจะสรุปว่าต่างประเทศเลิกสวมหน้ากากแล้วก็ไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะบางกลุ่มก็ยังมีความกังวลอยู่ จึงอาจบอกได้ว่า หลายประเทศไม่ได้บังคับให้สวมหน้ากาก เช่น พื้นที่เปิดโล่ง ซึ่งเป็นคำแนะนำที่ผ่อนคลายมากกว่าเมื่อ 2 เดือนที่แล้วค่อนข้างมาก

“ตอนนี้โลกสะวิงไปอีกทางแล้ว แต่สำหรับประเทศไทยก็ขอให้ติดตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข แต่หากจะทำเหมือนประเทศอื่น ๆ เราก็ต้องระวัง เพราะต่างประเทศเขาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเยอะกว่าเรา โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ต้องฉีดให้ได้มากพอสมควร เพื่อลดความอันตราย แต่หากเราจะดำเนินการเรื่องนี้ก็ต้องเข้าที่ประชุม ศบค.พิจารณาก่อน”