ร.ฟ.ท.จัดเดินรถสินค้า สถานีมาบตาพุด-ชุมทางบัวใหญ่

การรถไฟฯจับมือภาคเอกชน จัดเดินขบวนรถสินค้าคอนเทนเนอร์บรรทุกเกลือระหว่างสถานีมาบตาพุด–ชุมทางบัวใหญ่ เพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งสินค้าภายในประเทศ

วันที่ 10 มิถุนายน 2565 นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดเดินขบวนรถสินค้าคอนเทนเนอร์บรรทุกเกลือระหว่างสถานีมาบตาพุด–ชุมทางบัวใหญ่ ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยกับบริษัท เอ็น.อี. (1992) จำกัด ณ สถานีมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง

เพื่อเป็นการสนับสนุนการขนส่งสินค้าจากแหล่งวัตถุดิบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเส้นทางรถไฟเชื่อมโยงไปยังโรงงานผลิตในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณการขนส่งสินค้า สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้ส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนพัฒนาระบบรางให้เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ อาทิ รถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกระเบา-ชุมทางถนนจิระ และชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น เพื่อขนส่งสินค้าระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภาคตะวันออก และท่าเรือแหลมฉบัง การใช้หัวรถจักรดีเซลไฟฟ้า น้ำหนักกดเพลา 20 ตัน ที่สามารถลากจูงได้สูงสุด 2,500 ตันต่อขบวน พร้อมแคร่บรรทุกตู้สินค้าที่สามารถเพิ่มปริมาณการขนส่ง

รวมถึงการให้ความสำคัญต่อการเชื่อมโยงในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและศูนย์บริการโลจิสติกส์ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า หรือการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ อาทิ ศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้า สถานีขนส่งสินค้า รวมทั้งการจัดหาอุปกรณ์การยกขนตู้สินค้าทางรถไฟ ในแนวเส้นทางยุทธศาสตร์ที่สามารถเชื่อมโยงกับฐานการผลิตอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมของประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า

เนื่องจากการขนส่งสินค้าทางรางถือเป็นระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ ประหยัดพลังงาน ปลอดภัยและมีความคุ้มค่า สามารถขนส่งได้ครั้งละจำนวนมากกว่าทางถนนหลายเท่าตัว อีกทั้งยังเป็นช่องทางในการช่วยเพิ่มรายได้แก่การรถไฟฯอีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับความร่วมมือการเปิดเดินขบวนรถสินค้าคอนเทนเนอร์บรรทุกเกลือระหว่างสถานีมาบตาพุด-ชุมทางบัวใหญ่ กับบริษัท เอ็น.อี. (1992) จำกัด ในวันนี้จึงนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่มีส่วนสำคัญที่การรถไฟฯให้การสนับสนุนการขนส่งสินค้าทางรถไฟจากแหล่งวัตถุดิบในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ส่งต่อไปยังโรงงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ภายใต้กรอบระยะเวลา 1 ปี

โดยขนส่งสินค้าจากศูนย์กองเก็บตู้คอนเทนเนอร์ (Container Yard) ที่สถานีชุมทางบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ไปยังสถานีรถไฟมาบตาพุด จังหวัดระยอง ด้วยตู้คอนเทนเนอร์วางบนแคร่จำนวน 25 แคร่ ความยาว 50 ตู้ บรรทุกน้ำหนัก 62 ตัน/เที่ยว อัตราค่าขนส่งแบบเหมาขบวนรถไป-กลับเที่ยวละ 250,000 บาท ปริมาณการขนส่งในแต่ละเดือน 15 ขบวน รวม 144 ขบวน คิดเป็นมูลค่าการขนส่งรวม 36 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทได้วางแผนที่จะพัฒนาความร่วมมือกับการรถไฟในระยะยาว โดยการลงทุนจัดหาตู้สินค้าเพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าทางรถไฟโดยเฉพาะ เนื่องจากการขนส่งทางรถไฟสามารถอำนวยความสะดวกทั้งในด้านปริมาณการขนส่งและช่วยลดระยะเวลาการเดินทาง รวมทั้งช่วยประหยัดต้นทุนการขนส่งได้เป็นอย่างดี

“การรถไฟฯเชื่อมั่นว่าการขนส่งสินค้าทางรางมีโอกาสขยายตัวได้มากในอนาคต โดยมีปัจจัยสนับสนุน เช่น ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูง ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งทางถนนเพิ่ม การขนส่งทางรางจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งได้ ประกอบกับรัฐบาล กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ มีการลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางรถไฟสายใหม่ รวมถึงมีการจัดหาหัวรถจักรรุ่นใหม่ ซึ่งจะเชื่อมโยงเครือข่ายการขนส่งให้กว้างขึ้น ทำให้บริษัทขนส่งต่าง ๆ มีความเชื่อมั่นต่อการขนส่งสินค้าทางราง เห็นได้จากมีลูกค้าสนใจติดต่อเข้ามาเปลี่ยนโหมดมาใช้บริการขนส่งทางรถไฟอย่างต่อเนื่อง”

อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยมีเป้าหมายในการยกระดับศักยภาพการขนส่งทางรถไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรถไฟฯได้มีการพัฒนาพื้นที่ย่านสถานีหนองคาย และ CY สถานีนาทา รวมถึงการเพิ่มขบวนรถสินค้า ทั้งรถจักร และรถพ่วง เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าให้สอดรับกับยุทธศาสตร์การพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศในการสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ตลอดจนรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าข้ามแดนไทย-สปป.ลาว ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังการเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูง สปป.ลาว-จีน

ท้ายนี้การรถไฟฯมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงข่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางราง เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งผู้โดยสารและสินค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเปิดให้บริการขนส่งสินค้าหลายประเภทในหลายเส้นทาง ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาจราจร การประหยัดเชื้อเพลิง การลดมลพิษ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งของไทย

ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เติบโต ตลอดจนสามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริการของภาคคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคม ในการขนส่งเสริมขนส่งทางสินค้าทั้งภายในและระหว่างประเทศผ่านระบบรางให้สามารถแข่งขันทัดเทียมกับอาณาประเทศ และก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียน