ลิเวอร์พูลเอาชนะสเปอร์สคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ถือเป็นข่าวดีที่ทำให้แฟนบอลหงส์แดงฉลองใหญ่ทั่วโลก
แต่บางทีถ้วยแชมเปี้ยน’ส ลีกปีนี้ อาจนำไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าอีกมากมายที่จะตามมาในอนาคต
มันเหมือนปลดล็อก หลังจากอั้นมานาน รอความสำเร็จมานาน (มาก)
10 ปีหลังสุด ลิเวอร์พูลเพิ่งจะได้แชมป์เป็นถ้วยที่ 2 ก่อนหน้านี้เคยคว้าแชมป์ลีกคัพเมื่อปี 2012 ส่วนแชมป์ยุโรปสมัย 6 ทิ้งช่วงห่างจากครั้งที่ 5 นานถึง 14 ปี
แต่นับจากนี้หงส์แดงมีสิทธิเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นทีมล่าแชมป์เต็มตัว และไม่ต้องรอคอยอะไรอีกต่อไป
เหตุผลมีอยู่หลายข้อนะครับ
อย่างแรกคือ ความมั่นใจ ปีนี้ได้แชมป์ยุโรปแล้ว ถ้วยอื่นที่เหลือย่อมไม่ไกลเกินเอื้อม
โดยเฉพาะแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งเพิ่งโดนแมนฯซิตี้แย่งไปจากมือ ชนิดเฉือนกันแต้มเดียว ฤดูกาลหน้าต้องเป็นเป้าหมายใหญ่สุด แถมความกดดันก็ไม่มากเท่าแชมป์เก่าซิตี้
ลิเวอร์พูลเรียนลัด คว้าแชมป์ยุโรปไปก่อน พอกลับมาลุ้นแชมป์ลีก
ในประเทศจึงเล่นสบายกว่า ความมุ่งมั่นก็น่าจะมากกว่าเพราะมันท้าทาย ที่ตัวเองยังไม่เคยได้
หงส์แดงชุดนี้ไม่ได้น่ากลัวแค่ความกระหาย ทะเยอทะยานอย่างเดียว คุณภาพของเกมในสนามก็พัฒนาขึ้นตลอดเวลา
ลิเวอร์พูลของกุนซือ เยอร์เก้น คล็อป ไม่ใช่ทีมบ้าพลัง เด่นแค่การไล่บี้ เพรสซิ่ง เหมือนช่วงแรก ๆ ปัจจุบันกลายเป็นทีมที่เล่นได้หลายแบบ หลายสไตล์ บุกด้วยลูกสั้นได้ โยนยาวให้กองหน้าวิ่งไล่ก็ได้ เล่นอู้ทำลายเกมเป็นหรือจะให้เก็บบอล ครองบอลด้วยความอดทนก็โอเค
ทุกอย่างปรับได้ตามความเหมาะสม ตามสถานการณ์ในสนาม
ที่สำคัญ, หงส์แดงเป็นทีมที่แพ้ยาก ถึงเล่นไม่ดีก็ไม่แพ้เพราะกองหลังหนึบ
ประตูก็โคตะระเหนียว กองหน้าขยันไล่บอล ช่วยรับตั้งแต่อยู่ในแดนคู่ต่อสู้
นักเตะลิเวอร์พูลมีส่วนผสมที่ดีมากสำหรับการเป็นทีมระดับแชมเปี้ยน ตัวหลักอย่าง ฟานไดค์, ฟีร์มิโน่, มาติป, ซาดิโอ มาเน่ อายุ 27 อยู่ในจุดท็อปสุดของอาชีพ กัปตัน จอร์แดน เฮนเดอร์สันก็เพิ่ง 28, โม ซาล่าห์ กับประตู อลิสัน เพิ่งจะ 26 ปี
ดาวรุ่ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ อายุ 20 โจ โกเมซ 22 ดิว็อค โอริกี้ 24 ยิ่งเล่นก็จะยิ่งเขี้ยว ดีวันดีคืน
ลิเวอร์พูลมีทีมที่ลงตัวอยู่แล้ว สามารถสร้างทีมได้อย่างต่อเนื่อง เงินที่ได้จากความสำเร็จในแชมเปี้ยน’ส ลีก แบ่งมาหมุนซื้อนักเตะใหม่ที่จำเป็นอีกซัก 3-4 คน ก็น่าจะลงตัวพอดิบพอดี
หงส์แดงมีส่วนผสมครบทุกด้าน ต่อไปก็โกยลูกเดียว!