ลุ้นไลน์อัพ “Mac” ใหม่ จะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ?

apple-event-scary-fast

ยักษ์ “Apple” เตรียมจัดงาน “Apple Event” ครั้งสุดท้ายของปี จับตาไลน์อัพ “Mac” รุ่นใหม่ที่อาจมาพร้อมชิป M3 โปรเซสเซอร์รุ่นล่าสุดจาก “Apple Silicon”

วันที่ 30 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า พรุ่งนี้ (31 ต.ค.) เวลา 07.00 น. ตามเวลาไทย ยักษ์ “แอปเปิล” (Apple) จะจัดงาน “Apple Event” ครั้งสุดท้ายของปีในรูปแบบออนไลน์ภายใต้ชื่องานว่า “Scary fast.” ที่รับกับกระแสเทศกาลฮาโลวีนเบา ๆ หลังจาก Apple Event ครั้งล่าสุดได้รับการตอบรับจากสาวกแอปเปิลเป็นอย่างดี เนื่องจากมีการเปิดตัว “iPhone 15” สมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิปรุ่นล่าสุดของบริษัท

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ไลน์อัพผลิตภัณฑ์ที่จะมีการเปิดตัวในงานครั้งนี้ คือผลิตภัณฑ์กลุ่ม “Mac” ที่อาจจะมาพร้อมกับ “ชิป M3” โปรเซสเซอร์ขนาด 3 นาโนเมตรจาก Apple Silicon หลังจากที่เปิดตัวชิป M2 ไปเมื่อเดือน มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา

รายละเอียดของผลิตภัณฑ์ที่น่าจะมีการเปิดตัวในงาน Apple Event ครั้งนี้ ได้แก่

MacBook Pro

MacBook Pro ระดับไฮเอนด์ที่ใช้ชื่อรหัสว่า J514 และ J516 จะมีลักษณะของตัวเครื่องคล้ายกับรุ่นปัจจุบัน แต่อาจใช้โปรเซสเซอร์ M3 Pro และ M3 Max ใหม่ที่รวดเร็วกว่า ซึ่งที่ผ่านมา Apple ได้พัฒนาชิป M3 Pro และ M3 Max ในหลากหลายเวอร์ชั่น เช่น การพัฒนาคอร์โปรเซสเซอร์หลักจำนวน 12 และ 14 คอร์ รวมถึงคอร์ประมวลผลหลักและคอร์ประมวลผลกราฟิก เป็นต้น

iMac

iMac 24 นิ้วรุ่นใหม่ที่ใช้ชื่อรหัสว่า J433 และ J434 มาพร้อมการออกแบบภายในและขาตั้งที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ และใช้ชิป M3 ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง รวมถึงอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่ใช้ร่วมกับ iMac เช่น แทร็กแพด เมาส์ และคีย์บอร์ด มีโอกาสที่จะได้รับการอัปเกรด ซึ่งพอร์ตชาร์จของเมาส์อาจเปลี่ยนเป็นพอร์ต USB-C แทนพอร์ต Lightning รุ่นเดิม

นอกจากนี้ อุปกรณ์ Mac อื่น ๆ เช่น MacBook Pro ระดับล่างที่ใช้ชื่อรหัสว่า J504 จะมาพร้อมชิป M3 รุ่นพื้นฐานอาจเปิดตัวหลังจากงาน Apple Event ครั้งนี้ รวมถึง MacBook Air ขนาด 13 นิ้ว และ 15 นิ้วรุ่นใหม่ที่ใช้ชื่อรหัสว่า J613 และ J615 กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ซึ่งยังไม่มีกำหนดวางจำหน่ายจนกว่าจะถึงครึ่งแรกของปี 2567

อย่างไรก็ตาม Apple ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่ม Mac ที่มีสัดส่วนรายได้ราว 10% ของบริษัท เนื่องจากความต้องการใช้งานผลิตภัณฑ์พีซีของผู้บริโภคปรับตัวลดลงจากช่วงที่โควิด-19 ระบาดอย่างหนัก อีกทั้งยอดขายผลิตภัณฑ์กลุ่ม Mac ยังลดลงติดต่อกันหลายไตรมาส และผู้ผลิตชิปรายอื่น เช่น เอ็นวิเดีย (Nvidia) และควอลคอมม์ (Qualcomm) ก็กำลังรุกตลาดชิปสำหรับอุปกรณ์พีซีเช่นกัน