ตรุษจีน 2567 ปักหมุด 9 วัดจีนและศาลเจ้า ทั่วกรุงเทพมหานคร ทำบุญเสริมดวงชะตา แก้ชง และขอโชคลาภรับปีใหม่ ความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
วันที่ 23 มกราคม 2567 ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับ “เทศกาลตรุษจีน” หรือวันขึ้นปีใหม่ของจีน ซึ่งปีนี้ วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว ตรงกับวันที่ 8, 9 และ 10 กุมภาพันธ์ ตามลำดับ
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
นอกจากจะจับจ่ายซื้อของกันในวันจ่าย เพื่อนำมาสักการะเทพเจ้าและบรรพบุรุษในวันไหว้แล้ว อีกกิจกรรมหนึ่งซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นอะไรดี ๆ รับปีใหม่ ผู้คนมักเดินทางไปทำบุญ ไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเสริมโชคลาภ บารมี และความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ตลอดจนการแก้ชง ให้ตัวเองเเคล้วคลาดปลอดภัยตลอดปีตลอดไปด้วย
“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวม 9 วัดและศาลเจ้าจีน ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในเยาวราช เสริมดวงชะตา แก้ชง และขอโชคลาภรับปีใหม่
วัดมังกร เยาวราช
“วัดเล่งเน่ยยี่” หรือ วัดมังกร ตั้งอยู่ในย่านเยาวราชแหล่งชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน โดดเด่นเรื่องการทำบุญแก้ปีชง ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2414 ลักษณะสถาปัตยกรรมจีนตอนใต้ของสกุลช่างแต้จิ๋ว มีวิหารท้าวจตุโลกบาลเป็นวิหารแรก ตรงกลางเป็นพระอุโบสถ ด้านหลังเป็นวิหารเทพเจ้า
วิหารท้าวโลกบาลมีเทวรูปเทพเจ้า 4 องค์ในชุดนักรบจีนถืออาวุธ ซึ่งชาวจีนเรียกว่า “ซี้ไต๋เทียงอ้วง” หมายถึงเทพเจ้าที่ปกปักษ์รักษาคุ้มครองทิศทั้ง 4 ทิศ
สำหรับอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานของวัด คือ พระโคตมพุทธเจ้า, พระอมิตาภพุทธะ และพระไภษัชยคุรุพุทธะ หรือ “ซำป้อหุกโจ้ว” พร้อมพระอรหันต์อีก 18 องค์ ที่เรียกว่า “จับโป๊ยหล่อหั่ง”
นอกจากนี้ ยังมีเทพเจ้าอีกหลายองค์รวมทั้งหมดกว่า 58 องค์ อาทิ
- ไท้ส่วยเอี๊ยะ เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา
- เทพเจ้าแห่งยา
- หั่วท้อเซียงซือกง
- ไฉ่ซิ้งเอี๊ยะ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ
- ไต่เสี่ยหุกโจ้ว เทพเจ้าเฮ่งเจีย
- ปู๊กุ่ยหุกโจ้ว พระเมตไตรยโพธิสัตว์
- พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
- แป๊ะกง และแป๊ะม่า
ศาลเจ้าเล่าปุนเถ้ากง ทรงวาด
“ศาลเจ้าเล่าปุนเถ้ากง” ตั้งอยู่ที่ถนนทรงวาด เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ชาวจีนในสมั้ยรัชกาลที่ 3 ได้รวมตัวกันเชิญองค์เทพ “เล่าปุนเถ้ากง” มาจากประเทศจีน เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และสร้างศาลเจ้าเล่าปุนเถ้ากงขึ้นมาเมื่อ พ.ศ. 2367 ดังนั้น ศาลเจ้าแห่งนี้จะมีอายุครบ 200 ปีพอดีในปีนี้
เล่าปุนเถ้ากงเป็นศาลเจ้าที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม ลักษณะอาคาร การแกะลาย เป็นสกุลช่างจีนแต้จิ๋ว เสาในศาลเจ้าเป็นรูปทรงเหมือนเม็ดข้าว อาคารเป็นแบบ “ซี้เตี๋ยมกิม” หรือ 4 ตำแหน่งทองคำ
ประกอบด้วยด้านหลังคือ เต่าดำ อยู่ตรงเท้าขององค์เทพ, มังกรเขียว ด้านซ้าย, เสือขาว ด้านขวา และด้านหน้าคือ หงส์แดง เป็นทิศของ “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” เล่าปุนเถ้ากงจึงมีฮวงจุ้ยโดดเด่น ไม่อับ สะอาดสะอ้าน ปลอดโปร่ง โล่งสบาย ใครเข้ามากราบไหว้ก็จะได้รับพลังที่ดี
ศาลแห่งนี้มีองค์ประธาน คือ “เทพเฮี่ยงเทียนเสี่ยงตี่” หรือเทพตั่วเหล่าเอี๊ยกง ชาวจีนย่านนี้เชื่อกันว่าโดดเด่นเรื่องการงานและทำมาค้าขาย ส่วนเทพ “เล่าปุนเถ้ากง” โดดเด่นทุกเรื่อง เป็นเทพปกครองท้องถิ่นนั้น ๆ ถามและขอได้ทุกเรื่องตั้งแต่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
ศาลนี้มีเทพเล่าปุนเถ้ากงอยู่ 2 องค์ องค์แรกทรงอิริยาบถยืน อัญเชิญมาจากจีนตั้งแต่ 200 ปีก่อน คนจีนเสื่อผืนหมอนใบเดินทางโดยที่ไม่รู้ว่าต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง เทพที่เชิญมาต้องประทับยืนพร้อมที่จะฝ่าฟันทุกอย่าง ส่วนอีกองค์เป็นอิริยาบถนั่ง เครื่องทรงขุนนางจีนถือคทายู่อี่ ถือก้อนทอง สร้างในยุคหลังเมื่อ พ.ศ. 2525 สื่อว่า ผู้สร้างมีเงินแล้ว ร่ำรวยแล้ว
ถือเคล็ดกันว่า ถ้าจะเริ่มธุรกิจ หรือบุกเบิกอะไรใหม่ ๆ ให้ไหว้องค์เดิมที่ประทับยืน แต่ถ้าขอโชคลาภให้มาขอองค์ประทับนั่ง
เจ้าแม่กวนอิม มูลนิธิเทียนฟ้า
มูลนิธิเทียนฟ้าเป็นมูลนิธิแห่งแรกในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2445 โดยการรวมตัวกันของกลุ่มชาวจีน เพื่อประสงค์ที่จะช่วยผู้ป่วยยากไร้ โดบปัจจุบันมีโรงพยาบาลรักษาทั้งแพทย์แผนจีนและแผนปัจจุบัน ชาวจีนย่านเยาวราชเรียกที่นี่ว่า “เทียนฮั้วอุยอี่”
สถานที่ตั้งอยู่บริเวณถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ใกล้กับ วัดไตรมิตรวิทยาราม และวงเวียนโอเดียน
มูลนิธิมูลนิธิเทียนฟ้ามีศาลเจ้าแม่กวนอิม พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ปางประทานพร ทำด้วยไม้จันทน์แกะสลัก รูปแบบศิลปะราชวงศ์ถัง ประดิษฐานเป็นเทพเจ้าองค์ประธาน ผู้คนนิยมมาขอพรเรื่องโรคภัยไข้เจ็บและมีสุขภาพแข็งแรง
สันนิษฐานว่าองค์เจ้าแม่กวนอิมสร้างขึ้นในสมัยของราชวงศ์ซ่ง (ประมาณ 800-900 ที่แล้ว) จนกระทั่งใน พ.ศ. 2501 ได้ถูกอัญเชิญจากประเทศจีนและมาประดิษฐานอยู่ที่เยาวราชจนปัจจุบัน
ศาลเจ้าพ่อเสือ
“ศาลเจ้าพ่อเสือ” มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 เดิมตั้งอยู่ริมถนนบำรุงเมือง แต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้ขยายถนนบำรุงเมือง และให้พระยาโชฎีกราชเศรษฐีย้ายศาลมาไว้ที่ทางสามแพร่ง ถนนตะนาว จนถึงปัจจุบัน
ลักษณะอาคารของศาลเจ้าพ่อเสือสร้างตามรูปแบบศาลเจ้าที่นิยมทางภาคใต้ของจีน ตกแต่งด้วยโบราณวัตถุ ซึ่งบางชิ้นมีอายุกว่า 100 ปี ประดิษฐานเทพเจ้าประจำศาล คือ “เสียนเทียนซั่งตี้” หรือ “เจ้าพ่อเสือ”
สำหรับการสร้างศาลประดิษฐานรูปเสือนั้น เป็นการนำเอากระดูกเสือบรรจุในแท่น และอัญเชิญดวงวิญญาณเสือขอให้ปกปักรักษาประชาชนให้อยู่เย็นเป็นสุข
นอกจากนี้ภายในศาล ยังมีเทพเจ้าอีกหลายองค์ อาทิ เจ้าพ่อกวนอู และเจ้าแม่ทับทิม ผู้คนต่างแวะเวียนมาที่แห่งนี้เพื่อกราบไหว้เสริมอำนาจบารมี ขอพรเรื่องงาน ขอลูก หรือแก้ชง
ศาลเจ้าไต้ฮงกง
“ศาลเจ้าไต้ฮงกง” ตั้งอยู่บนถนนพลับพลาไชย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2452 ชาวจีนที่อพยพมาเมืองไทยได้อัญเชิญรูปเคารพของ “หลวงปู่ไต้ฮงกง” มาด้วย
ตามประวัติกล่าวไว้ว่า หลวงปู่ไต้ฮงกง เกิดที่เมืองเวินโจว มณฑลเจ้อเจียง เมื่อ พ.ศ. 1582 สมัยราชวงศ์ซ่ง เป็นภิกษุชาวจีนที่ช่วยเหลือชาวบ้านตลอดจนเก็บศพผู้ยากไร้ไปฝังโดยไม่รังเกียจ จนกระทั่งลูกหลานชาวจีนที่ศรัทธาสานต่อปณิธานกันมาเป็น “มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง” ที่รู้จักกันในปัจจุบัน
สำหรับผู้ที่มากราบไหว้บูชา มักจะขอพรเรื่องสุขภาพ ให้ร่างกายแข็งแรง การงานประสบความสำเร็จ ตลอดจนขอเรื่องโชคลาภ
ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย วัดสามจีน
“ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย วัดสามจีน” หรือศาลเจ้าไต้เสี่ยฮุกโจ้ว ตั้งอยู่บนถนนพระราม 4 เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร เป็นศาลเจ้าเห้งเจียที่มีความเก่าแก่ที่สุดในไทย โดยสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2
สำหรับ องค์ไต้เซี้ยฮุกโจ้ เป็นปางสำเร็จเป็นอรหันต์นั่งขัดสมาธิบนดอกบัว แกะสลักจากไม้มงคลโบราณ ลงลักปิดทองมีอายุยาวนานร่วม 200 ปี
แต่เดิมเจ้าพ่อเห้งเจียถูกอัญเชิญมาจากประเทศจีนโดยเรือสำเภามาประดิษฐาน ณ วัดสามจีน หรือ “วัดไตรมิตรววิทยารามวรวิหาร” ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่ตึกย่านถนนพระราม 4 ใกล้ ๆ กับวัดไตรมิตรในปัจจุบัน
องค์เจ้าพ่อเห้งเจีย ปราดเปรื่องเรื่องสติปัญญา โดดเด่นเรื่องเมตตา ผู้ที่มาสักการะจะขอเรื่องแคล้วคลาดปลอดภัย สุขภาพ สติปัญญา และความกล้าหาญ
ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ
“ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ” เป็นศาลเจ้าแต้จิ๋วเก่าแก่ ตั้งอยู่ที่ตรอกอิสรภาพ เยาวราช ซอย 6 เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชกาลที่ 3 หรือบางข้อมูลระบุว่าสร้างตั้งแต่สมัยอยุธยาก็มี
ลักษณะอาคารเป็นทรงภูเขาตามหลักฮวงจุ้ยของจีนโบราณ หลังคาปูด้วยกระเบื้องเคลือบสีแบบจีน และด้านบนมีรูปปั้นมังกร 2 ตัวหันหน้าเข้าหากัน
ภายในศาลมีแท่นบูชา เล่งบ๊วยเอี๊ยะ หรือ “เทพเจ้าหางมังกร” เป็นองค์ประธาน พร้อมด้วย ฮูหยิน และทหารเอก ด้านช้ายตั้งแท่นบูชาเทพเจ้ากวนอูและด้านขวามือเป็นแท่นบูชาพระแม่สวรรค์ นอกจากนี้ยังมีที่เก็บรักษาโบราณวัตถุต่าง ๆ ไว้ภายในศาลด้วย
สำหรับศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ เป็นที่นับถือศรัทธาและกราบไหว้บูชาเพื่อความเจริญก้าวหน้าในกิจการค้าขาย
วัดบำเพ็ญจีนพรต
“วัดบำเพ็ญจีนพรต“ หรือวัดย่งฮกยี่ เป็นวัดจีนเก่าแก่ขนาดเล็กท่ามกลางอาคารพาณิชย์บนย่านเยาวราช ตั้งอยู่เยาวราชซอย 8 หรือ ตรอกเต๊า สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2338 ถือเป็นวัดจีนแห่งแรกของไทย
ลักษณะตัวอาคารเป็นตึกเก่าแบบตะวันตก ยุคต้นสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่สร้างล้อมวิหารจีนไว้ โครงสร้างอาคารเป็นไม้แบบจีน ผนังก่ออิฐฉาบปูน หลังคาจั่วมุงด้วยกระเบื้องดินเผากาบกล้วย สันหลังคาก่ออิฐปั้นปูนเป็นจั่วปั้นลมตามแบบช่างจีนแต้จิ๋ว
ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธาน 3 องค์ ได้แก่ พระศากยมุนีพุทธเจ้า, พระอมิตาภะพุทธเจ้า และพระไภษัชยะคุรุพุทธเจ้า
ด้านหน้าพระประธานประดิษฐาน พระจัณฑิอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หรือ “จุนที้ผู่สัก” ปางหนึ่งของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ทรงลักษณะแห่งพุทธมารดา มี 18 กร และมีรูปพระโพธิสัตว์ธรรมบาลยืน 2 องค์ คือ พระสกันทโพธิสัตว์ และพระสังฆารามโพธิสัตว์
ศาลเจ้าหลีตี๊เมี้ยว
“ศาลเจ้าหลีตี๊เมี้ยว” หรือศาลเจ้าลื้อตี่เบี่ย ตั้งอยู่บนถนนพลับพลาไชย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2445 ถือเป็นศาลเจ้าเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งในย่านเยาวราช
ตัวอาคารมีลักษณะสวยงามคล้ายพระราชวังจีนสูง 4 ชั้น แต่ละชั้นประดิษฐานเทพเจ้าแตกต่างกันไปประกอบด้วย
- ชั้นที่ 1 พระสังกัจจายน์
- ชั้นที่ 2 องค์หลีไทตี้
- ชั้นที่ 3 องค์พระอรหันต์
- ชั้นที่ 4 องค์เง็กเซียนฮ่องเต้
สำหรับศาลเจ้าหลีตี้เมี้ยว ผู้คนที่มาสักการะมักนิยมขอพรเรื่องความรัก หรือคนขอเรื่องการมีบุตร