เงินสะพัดหัวเมืองทั่วประเทศ ระดมอีเวนต์เลือกตั้งปลุกเศรษฐกิจ

ป้ายหาเสียง

พรรคการเมืองระดมเสียงเลือกตั้งโค้งสุดท้าย ทำเงินสะพัดหัวเมืองใหญ่ นับ 1,000 ล้าน ทั้งการจัดกิจกรรม-อีเวนต์-งานโฆษณา-ออร์แกไนซ์ รับอานิสงส์ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นนโยบายหาเสียงไม่ว่าขั้วไหนก็ไม่แตกต่างกัน เน้นประชานิยม “ลด-แลก-แจก-แถม” นักธุรกิจตั้งคำถามไม่มีพรรคไหนเสนอนโยบายพัฒนาอาชีพ-สร้างคน-การค้าการส่งออก และการลงทุน นายกฯในฝันอยากได้ผู้นำให้มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หาเงินเข้าประเทศ

เหลืออีกไม่ถึงสัปดาห์ ประเทศไทยก็จะเข้าสู่ช่วงเวลาของการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” ออกสำรวจความเห็นบรรดานักธุรกิจสำคัญในจังหวัดใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดเชียงใหม่-นครราชสีมา-ชลบุรี-นครศรีธรรมราช-สงขลา-อุบลราชธานี พบมีเงินสะพัดหลายพื้นที่จากการจัดกิจกรรมทางการเมืองที่เป็นไปอย่างคึกคัก ขณะที่หลายจังหวัดเห็นตรงกัน ไม่ว่าขั้วไหนก็เสนอนโยบายประชานิยม “ลด-แลก-แจก-แถม” เหมือนกันหมด ไม่มีพรรคไหนพูดชัด ๆ เรื่องพัฒนาอาชีพ การค้าการลงทุน การส่งออก และกระตุ้นเศรษฐกิจ วางรากฐานประเทศในระยะต่อไป

โคราชเงินสะพัดพันล้าน

นายสุดที่รัก พันธ์สายเชื้อ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมาและผู้บริหารธุรกิจรถยนต์และอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจของจังหวัดนครราชสีมาช่วงก่อนมีการเลือกตั้งจะเกิดเงินสะพัดแน่นอน หากประเมินจากงบประมาณที่ กกต.กำหนดไว้ต่อผู้สมัคร 1 ราย ใช้ในการหาเสียงไม่ให้เกิน 1.9 ล้านบาท

โคราชมี 16 เขตเลือกตั้ง มีผู้สมัคร 192 คน ก็คิดเป็นเงินมากกว่า 360 ล้านบาท และยังมีเงินนอกระบบที่เกิดขึ้นอีกประมาณ 3 เท่า ทำให้เกิดเงินสะพัดทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นงานโฆษณา งานออร์แกไนเซอร์ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับการหาเสียงได้รับอานิสงส์ทั้งหมด กระตุ้นเศรษฐกิจและเกิดเงินสะพัดชัดเจนมากกว่า 1,000 ล้านบาท

สิ่งที่กังวลหลังมีรัฐบาลชุดใหม่ก็คือ ช่วงเวลาในการอนุมัติงบประมาณบริหารประเทศ เพราะจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วใช้เวลาในการตั้งรัฐบาลเสร็จประมาณ 4 เดือน หากรอบนี้ใช้เวลาเท่ากันก็จะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เสร็จในเดือนสิงหาคม และรัฐบาลมีเวลาพิจารณางบประมาณเพียง 1 เดือนเท่านั้น จะทำให้ทุกอย่างล่าช้าออกไป จึงขอฝากให้พิจารณาเร่งเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ด้วย เพื่อให้มีงบประมาณกระจายออกมาให้พัฒนาประเทศต่อไป

สำหรับสิ่งที่ภาคธุรกิจคาดหวังกับรัฐบาลชุดใหม่นั้น เราอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือในเรื่อง “ต้นทุน” การบริหารจัดการต่าง ๆ ให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น 1) ค่าใช้จ่ายพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้า แก๊สหุงต้ม 2) การกำหนดราคาค่าจ้างแรงงานขอให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม หากเศรษฐกิจดีทุกอย่างก็สามารถปรับราคาขึ้นสูงได้ ขอให้เศรฐกิจมีความชัดเจนก่อน เมื่อทุกอย่างดี ผู้ประกอบการก็เติบโตไปพร้อมกัน 3) การคงอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม ขอให้พิจารณาการคงอัตราดอกเบี้ยโดยเฉพาะในช่วงที่มีรัฐบาลรักษาการและเปลี่ยนผ่าน ต้องมีผู้ดูแล ไม่ให้เกิดมีสุญญากาศ

ส่วน “นายกฯในฝัน” ตอนนี้อยากได้นายกฯที่ประสานงาน ขับเคลื่อนประเทศให้หลุดพ้นจากปัญหาเศรษฐกิจ ทันสถานการณ์โลกในเรื่องต่าง ๆ เพื่อสามารถนำกลับมาประเมินการบริหารประเทศไทย ให้ก้าวเดินต่อไปและก้าวหน้าในระดับเวทีโลก อยากได้นายกฯที่เข้าใจปัญหาประชาชน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม แก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชนได้

โดยการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะ “ประเทศไม่มีผู้บริหาร ไม่มีผู้นำไม่ได้” ผู้นำประเทศเป็นคนช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ และให้ประเทศเติบโตขึ้นบนเวทีโลก การเลือกตั้งมีความสำคัญมาก อยากเชิญชวนประชาชนมาใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้มีนโยบายที่ชัดเจนของแต่ละพรรค ขอให้ทุกคนออกไปเลือกคนที่ใช่ คนที่ชอบ

“การแบ่งขั้วทีมรัฐบาลและทีมฝ่ายค้านอยู่แล้วเป็นปกติของประชาธิปไตย จะแบ่งขั้วอย่างไรก็ตาม อยากให้เป็นทองเนื้อเดียวกัน เพื่อพัฒนาประเทศ และหลังการเลือกตั้งอยากให้ทุกคนเก็บความแตกต่างไว้ข้างหลัง มองไปข้างหน้า และร่วมกันพัฒนาประเทศให้เติบโต ส่วนการหาเสียงแบบประชานิยมเห็นอยู่แทบทุกพรรค ผมเห็นด้วย แต่ควรทำเป็นครั้งคราว ใช้เงินเชิงนโยบายให้ทุกคนดีขึ้นแบบยั่งยืน เพราะ ที่ผ่านมาช่วงโควิด-19 ใช้เงินประเทศไปเยอะมากแล้ว อยากให้กลับมาโฟกัสการฟื้นตัวของประเทศให้รวดเร็วและแข่งขันได้ในเวทีโลก เพราะทุกประเทศพยายามเร่งเปิดประเทศให้สมบูรณ์ที่สุดในตอนนี้” นายสุดที่รักกล่าว

เชียงใหม่กำลังซื้อหด

นายจักริน วังวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาระมิงค์ จำกัด ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) จังหวัดเชียงใหม่ และประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้งของจังหวัดเชียงใหม่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว จากปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2566 ซึ่งกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเซ็กเตอร์สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่โดยตรง

โดยพบว่านักท่องเที่ยวไทยปรับลดลงมากและกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายด้าน ประกอบกับเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ยังไม่ฟื้นอย่างชัดเจนและมีแนวโน้มว่าค่าครองชีพอาจปรับสูงขึ้นอีก ทำให้มองเห็นภาพชัดว่าเศรษฐกิจของเชียงใหม่ก่อนการเลือกตั้งไม่คึกคัก กำลังซื้อลดลง ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย

ส่วนข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลใหม่ ต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ โครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงใหม่ เชื่อมเส้นทางภาคเหนือ เพื่อยกระดับคมนาคมขนส่ง-ท่องเที่ยว เพิ่มขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์และเพิ่มศักยภาพการลงทุนในพื้นที่ เชื่อมต่อการส่งออกสู่จีนตอนใต้และอาเซียน ส่วนนายกรัฐมนตรีที่จะมาเป็นผู้นำรัฐบาลใหม่ต้องการคนที่มีวิสัยทัศน์ ที่เป็นทั้งนักธุรกิจ นักรัฐศาสตร์ และนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งจะนำพาเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตแข่งขันกับประเทศอื่นในเวทีโลกได้ รอบรู้ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการปกครองรัฐให้เป็นไปด้วยดีที่สุด

“การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งสำคัญจนกล่าวได้ว่า เป็นการเปลี่ยนยุคสมัย ที่มีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานทางการเมืองมากขึ้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่จะทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ผมมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การแบ่งขั้วทางการเมือง แต่เป็นการช่วงชิงมวลชนแต่ละช่วงวัย ช่วงชิงด้วยฐานอายุ อยู่ที่นโยบายแต่ละพรรคที่จะเหมาะสมสอดคล้องกับฐานอายุวัยไหน

ขณะเดียวกันนโยบายการหาเสียงแบบประชานิยมของพรรคการเมืองเกือบทุกพรรคที่นำเสนอในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการสร้างแรงจูงใจและแรงดึงดูด ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ถูกเสพติดในนโยบายประชานิยมมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า เมื่อนำนโยบายประชานิยมมาใช้หาเสียงก็ถือเป็นการให้คำมั่นสัญญา หรือ Commitment ที่ควรต้องปฏิบัติตามที่สัญญากับประชาชนไว้ ไม่ใช่เป็นเพียงนโยบายขายฝัน” นายจักรินกล่าว

ชลบุรีลด-แลก-แจก-แถม

นายจักรรัตน์ เรืองรัตนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทรัตนากร แอสเซท จำกัด จังหวัดชลบุรี ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมในเครือกว่า 12 แห่ง ทั้งในพัทยา ภูเก็ต สมุย และธุรกิจในเครือกว่า 40 บริษัท กล่าวว่า ช่วงก่อนการเลือกตั้งภาพรวมของจังหวัดชลบุรีโดยเฉพาะเมืองพัทยา “เงินค่อนข้างสะพัด” แต่ปัจจัยหลักน่าจะมาจากการท่องเที่ยวมากกว่า ขณะที่การแข่งขันของพรรคการเมืองในชลบุรีดุเดือดมาก หลายขั้วหลายพรรค ทำให้มีตัวเลือกมากขึ้น

ตอนนี้อยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาระดับประเทศ ได้แก่ 1) เรื่องหนี้ครัวเรือน ไม่ได้เพียงการแจกเงิน พักหนี้ แต่ควรสอนให้ประชาชนรู้จักวิธีการหาเงินให้ได้มากกว่าค่าใช้จ่าย เก็บออม สร้างงานสร้างอาชีพ 2) โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ โปรเจ็กต์ในแต่ละโครงการยังไม่คืบหน้าและควรมีการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ 3) ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ผู้ประกอบการรายกลาง-เล็กแข่งขันได้ 4) เรื่องภาษี ต้องมีการปรับโครงสร้างภาษีเพื่อให้จัดเก็บได้มากขึ้นและจัดเก็บทั่วถึง และ 5) เรื่องนโยบาย ตอนนี้ทุกพรรคมีนโยบายเหมือนกันหมดคือ “ลด แลก แจกแถม” อยากให้แต่ละพรรคคำนึงถึงความยั่งยืนด้วย ต้องกระจายอำนาจให้ทั่วถึง ปฏิรูปภาคแรงงานไทย

ส่วนการแก้ไขปัญหาในระดับภูมิภาคจะมีเรื่องของ 1) EEC อยากให้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเรื่องการศึกษา เพื่อให้คนในพื้นที่พูดภาษาอังกฤษได้มากขึ้น สามารถทำงานกับใครก็ได้ 2) กระจายอำนาจให้หน่วยงานท้องถิ่นมากขึ้น

3) การพัฒนาประชาชนมีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้นในการหารายได้ ไม่อยากให้หวังแค่เรื่องท่องเที่ยวกับการส่งออก แต่เราต้องขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น สำหรับนายกฯที่อยากได้คือ ต้องเป็นนักบริหาร เป็นคนดี เก่ง เสียสละเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง ไม่ใช่นักการเมือง ไม่ใช่ทหาร พรรคไหนที่ขึ้นเป็นรัฐบาลปี 2566 มีความท้าทายรอบด้าน จะต้องทำงานหนัก เหนื่อย แรงกดดัน เจอปัญหาหนักที่สุดเมื่อย้อนกลับไปช่วงปี 2540

“การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญที่สุดเพราะว่า 8 ปีที่ผ่านมาเรามีรัฐบาลมาจากรัฐประหาร ทำให้เศรษฐกิจในประเทศไทยเฉลี่ยโตไม่ถึง 2% ก็อยากจะให้ผู้ที่มีสิทธิในการเลือกตั้งทุกคนรวมกันออกมาใช้สิทธิเอาประเทศไทยของประชาชนคืนกลับมา”

หากถามว่า คิดอย่างไรกับนโยบายหาเสียงประชานิยม ผมมองว่า เป็นการหาคะแนนเสียงโดยผ่านกฎหมายการกระจายอำนาจรัฐ จะสังเกตได้ว่า ทุกพรรคการเมืองใช้นโยบายประชานิยมเป็นจำนวนมาก บางครั้งทำให้คิดว่า เป็นการเอาชนะทางการเมือง ออกนโยบายไปก่อนเพื่อให้ได้ ส.ส. เข้าสภาให้มากที่สุด โดยไม่ได้ดูว่า จะหารายได้นำเงินมาจากไหน ซึ่งสุดท้ายแล้วมันจะส่งผลเสียต่อประเทศในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตามผมไม่ได้บอกว่า นโยบายประชานิยมเป็นเรื่องที่ผิดหรือเรื่องที่ไม่ดี แต่มองว่าประชานิยมต้องยั่งยืน คือต้องลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม, เศรษฐกิจดี ประชาชนมีรายได้ และสร้างศักยภาพความสามารถของประชาชนและเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

สงขลาหาเสียง ศก.กระเตื้อง

นายกร สุริยพันธุ์ ประธานสมาพันธ์ SME ไทยจังหวัดสงขลา กล่าวว่า คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ จ.สงขลา (กรอ. จังหวัดสงขลา) ต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่จัดทำโครงการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 1) สมาร์ทซิตี้ 2) เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 3) ดิวตี้ฟรีโซน และ 4) โครงการ Medical and Wellnes (การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ)

“ต้องทำให้ จ.สงขลาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษให้เกิดโครงการนิคมอุตสาหกรรมในการดึงนักลงทุนและแรงงาน นักศึกษาในพื้นที่ได้ทำงานและจะส่งผลกระตุ้น เศรษฐกิจการค้า โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ส่วนนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นนักรัฐศาสตร์บวกกับเป็นนักธุรกิจ เพราะที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีเป็นเพียงนักรัฐศาสตร์”

ด้าน ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา กรรมการผู้จัดการ โรงแรมออสการ์ พาเลส จ.สงขลา และนายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา กล่าวว่า ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ จะส่งผลต่อเศรษฐกิจที่กระเตื้องขึ้นในระดับหนึ่ง เช่น เรื่องการเปิดเวทีปราศรัยแถลงนโยบายแนะนำ ส.ส.หาเสียง จึงส่งผลให้โรงแรม มีการขายห้องพักได้เพิ่มขึ้น ร้านอาหาร ร้านค้า มีการค้าขายที่ดีขึ้น พ่อค้าแม่ค้าได้ขายสินค้ามีรายได้ แต่เป็นเพียงระยะสั้น ๆ

“สำหรับ จ.สงขลาในส่วนนี้จะมีเงินหมุนสะพัดไม่น่าจะถึงหลักสิบล้านบาท แต่ยกเว้นเงินหมุนสะพัดในการบริหารจัดการการรณณรงค์หาเสียง ตั้งแต่แกนนำ หัวคะแนน รถแห่ แกนนำ กลุ่มเดินหาเสียงถึงบ้าน งานเลี้ยงสังสรรค์ตามพื้นที่และจุดต่าง ๆ ค่าแรงงานต่าง ๆ”

รัฐบาลใหม่ที่ต้องการจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจการค้าชายแดน ซึ่งจะต้องปรับกลยุทธ์โดยการกระตุ้นการท่องเที่ยว การจัดทำเขตเศรษฐกิจพิเศษการค้าชายแดน เขตดิวตี้ฟรีโซนและที่สำคัญคือ การลดภาระให้กับผู้ประกอบการ เช่น ค่าไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 100,000 บาท/เดือน ยังไม่มีใครสนใจที่จะลดภาระให้กับผู้ประกอบการเรื่องค่าไฟฟ้า ตัวนายกรัฐมนตรีที่จะเข้ามาบริหารประเทศจะต้องเป็นคนที่ต้องตระหนักให้มากที่สุดในเรื่องเศรษฐกิจและการหาเงินเข้าประเทศ มีวิสัยทัศน์การนำพาประเทศไปแข่งขันกับนานาชาติได้

ในส่วนการหาเสียงแบบประชานิยมเป็นเรื่องที่ค่อนข้างกังวลมาก เช่น เรื่องเพิ่มค่าแรง ก็จะส่งผลให้กับผู้ประกอบการต้องเพิ่มภาระขึ้นอีก แล้วในที่สุดสินค้าทุกประเภทก็จะต้องปรับราคาขึ้นตามทันที เมื่อปรับราคาขึ้นตามทุกประเภท “ก็จะกลับเข้าสู่วงจรเดิมอีก” ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องทำทันทีก็คือ ลดราคาสิ่งของ เช่น น้ำมัน ไฟฟ้า เมื่อสิ่งเหล่านี้ช่วยลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการก็มีต้นทุนการผลิตที่ลดลง สินค้าทุกประเภทก็ปรับลดลง ต้องเจรจาให้ลดลง ต้นทุนต่ำลง ค่าครองชีพก็จะไม่สูงขึ้น ค่าแรงก็จะยังคงเดิม เพราะค่าครองชีพลดลงแล้ว สิ่งที่ควรทำอีกหลายสิ่งก็คือ “การทำรัฐสวัสดิการ”

นครศรีฯขายฝันประชานิยม

นายประยูร เงินพรหม ประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า บรรยากาศการเลือกตั้งค่อนข้างแบ่งขั้วกันอย่างชัดเจน “แบ่งกลุ่มกันเด็ดขาด” ดังนั้นนักการเมืองพรรคที่อยู่ขั้วตรงกันข้าม “น่าจะทำงานร่วมกันยาก” ขณะเดียวกันผู้สมัครในพื้นที่ก็ยังเป็นคนเดิม เอาเรื่องเดิมมาพูด แค่ย้ายพรรคและคาดว่าน่าจะเป็นคนกลุ่มเดิมที่ได้รับเลือกตั้ง แต่ประชาชนอยากให้นักการเมืองคิดใหม่ ทำใหม่ จะใครก็ได้ที่สามารถทำงานจัดตั้งรัฐบาลได้และสามารถขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ได้

ขณะที่การหาเสียงของพรรคการเมืองสมัยก่อนมักพูดนโยบายพรรคที่จะช่วยพัฒนาพื้นที่นั้น ๆ เช่น นโยบายเกี่ยวกับการค้าการลงทุน นโยบายการพัฒนาด้านเกษตร การสร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพ แต่ตอนนี้ทุกพรรค ซึ่งติดป้ายตลอดริมถนนพูดอยู่อย่างเดียวว่า “จะแจกเงินเท่าไหร่ให้กับประชาชน ถ้าได้รับเลือกตั้งแล้วจะให้เงินเท่าไหร่” ไม่มีเรื่องอื่นมานำเสนอให้ประชาชนตัดสินใจเลย คนนครศรีธรรมราชก็งงว่า “การหาเสียงทุกวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น”

“สิ่งที่พรรคการเมืองหาเสียงมีบอกแค่ว่า จะแจกอย่างเดียว ทำให้พฤติกรรมคนเปลี่ยน ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องมีอาชีพก็ได้ แค่รอรัฐบาล ซึ่งมันจะส่งผลเสียในอนาคต เราที่เป็นภาคเอกชนอยากให้พรรคการเมืองไม่ว่าพรรคไหนก็ตามมีนโยบายพัฒนาคน สร้างอาชีพ การค้าการลงทุน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเมืองนครศรีธรรมราชเป็นเมืองปาล์ม-เมืองยางพารา ก็ควรมีนโยบายตั้งโรงงานเข้ามาในพื้นที่ ช่วยพัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์ ส่วนเรื่องคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีที่จะเข้ามาทำงานก็สำคัญ อยากได้คนที่มีความสามารถและสร้างความน่าเชื่อถือให้ต่างชาติได้ ต้องมีความคิดเป็นนักค้าขาย สร้างเงินสร้างรายได้ให้ประเทศไทย

อุบลฯ 11 เขตเลือกตั้งคึกคัก

นายมงคล จุลทัศน์ ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า บรรยากาศช่วงก่อนเลือกตั้งในจังหวัดอุบลราชธานีถือว่าค่อนข้างคึกคักทั้ง 11 เขต มีกิจกรรมหาเสียงตลอด ผู้สมัครหลายคนต่างลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างคับคั่ง หลายคนก็มีจากพรรคการเมืองที่ไม่มีทุนมากนัก แต่กิจกรรมหาเสียงก็ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ มีอีเวนต์จากที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะวันหยุดคนเยอะมากและเริ่มมีกำลังซื้อมากขึ้นหลังจากช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา

โดยการหาเสียงในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี มีสิ่งหนึ่งที่ยังไม่ชัดเจนคือ “จุดยืนของแต่ละพรรคคืออะไร” แต่โอกาสของคนรุ่นใหม่ที่อยากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงจากรัฐบาลชุดเก่าไปรัฐบาลใหม่ค่อนข้างหลากหลาย ทำให้ผู้สมัครหลายคนขายนโยบายประชานิยม บางอย่างก็เกินความจริง กลายเป็นนโยบายขายฝัน

“ในมุมมองของผม อยากให้ผู้สมัครหาเสียด้วยการขับเคลื่อนนโยบาย ส่งเสริมให้ประชาชนมองเห็นโอกาส มองเห็นศักยภาพของตัวเอง ไม่ใช่ให้คำมั่นสัญญาว่า จะให้เงินตามแต่พรรค เพราะจะทำให้การทำงานของประชาชนเหมือนต้องรอเงินจากภาครัฐเท่านั้น ซึ่งมันจะกลายมาเป็นปัญหาการคลังในระดับประเทศ เป็นรัฐสวัสดิการทั้งที่ประเทศไทยไม่มีเงินมากขนาดนั้น ผมในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านี้เลย ฉะนั้นจึงอยากเห็นพรรคการเมืองเข้ามาสนับสนุนศักยภาพของประชาชนมากกว่า”

อย่างไรก็ตามประเทศไทยมีโอกาสทางด้านต่าง ๆ มาก แต่นโยบายของทุกพรรคตอนนี้ดูแล้วทำให้เศษฐกิจของประเทศไม่เข้มแข็ง ทำให้ประเทศอ่อนแอในอนาคต จนประเทศข้างเคียงสามารถแซงหน้าประเทศไทย ไม่ว่าจะเรื่องสินค้าเกษตร คุณภาพสินค้าต่าง ๆ ในตลาด ซึ่งน่ากังวล

“อย่างอุบลราชธานีเป็นหนึ่งจังหวัดใหญ่ที่เด่นเรื่องการค้าชายแดน เชื่อม สปป.ลาว-เวียดนาม ผมก็ยังไม่เห็นมีพรรคการเมืองไหนพูดถึงเรื่องนี้เลย แม้แต่เรื่องจุดผ่อนปรนที่หอการค้ากำลังสนับสนุนให้เป็นด่านถาวร ที่สำคัญผู้ค้ารายใหญ่มักผูกขาดทางการค้าและยังไม่สามารถส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยให้เชื่อมโยงกับภูมิภาคเหล่านี้ได้ด้วย” นายมงคลกล่าว