นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวในโอกาสลงพื้นที่ติดตามการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากประชารัฐสร้างไทย นำโดย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ (นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน) ว่า ผลการดำเนินงาน “โครงการประชารัฐสร้างไทย พัฒนาปักษ์ใต้ ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ในพื้นที่ภาคใต้” ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง และจังหวัดตรังนั้น ธ.ก.ส. ได้มีการอบรมและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวแก่พนักงานทั่วประเทศ โดยมอบหมายพนักงานพัฒนาลูกค้าดูแลรับผิดชอบธุรกิจชุมชนโดยตรง
พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนระดับจังหวัดและอำเภอ จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจชุมชนทั้ง 77 จังหวัด เพื่อเป็นศูนย์กลางผสานความร่วมมือจากเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคมและภาคประชาชน รวมถึงสนับสนุนสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย วงเงิน 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดเพียงร้อยละ 0.01 ต่อปี และสินเชื่ออื่น ๆ ตามแผนธุรกิจที่เหมาะสมตามความต้องการของแต่ละชุมชน เพื่อใช้ในการลงทุนและพัฒนารวมกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมาย คือ กองทุนหมู่บ้าน กลุ่มเกษตรกร สถาบันการเงินประชาชน วิสาหกิจเพื่อสังคม วิสาหกิจชุมชน Smart Farmer SMEs เกษตรที่เป็นหัวขบวน และสหกรณ์การเกษตร
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
- ล้งกระหน่ำทุบราคามังคุด จากโลละ 200 เหลือ 60 บาท
- เงื่อนไข ธอส. จัดเงินฝากออมทรัพย์ “เก็บออม” ดอกเบี้ยสูง 1.95%
ขณะนี้ ธ.ก.ส. ได้ขับเคลื่อนธุรกิจชุมชนไปแล้วกว่า 502 ชุมชนทั่วประเทศ โดยในส่วนของพื้นที่ภาคใต้มีธุรกิจชุมชน จำนวน 27 ชุมชน ทั้งนี้ ภายในงาน ธ.ก.ส. ได้นำเสนอผลการพัฒนาชุมชน ได้แก่ โครงการการจัดการห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตรอย่างบูรณาการ ประกอบด้วย การจัดการยางพารา โดยสถาบันการเงินชุมชนบ้านวังไทร ตั้งแต่การผลิตน้ำยางสด การแปรรูปยางแท่งและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากยาง ส่งขายภายในประเทศ ซึ่งในพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยสถาบันการเงินชุมชนได้ระดมเงินทุนจากสมาชิกเพื่อลงทุนสร้างโรงงานแปรรูปยางพาราและอุปกรณ์กว่า 69 ล้านบาท คาดว่าเมื่อเปิดโรงงานแล้วจะมีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 116 ล้านบาท โดยจะขอรับการสนับสนุนสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทยจาก ธ.ก.ส. ประมาณ 120 ล้านบาท
ด้าน นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานโครงการประชารัฐสร้างไทย พัฒนาภาคใต้ ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน นั้น ธนาคารออมสินดำเนินงานโดยมุ่งพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจในทุกด้านของภาคใต้ รวมไปถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่งเสริมความเป็นอยู่ในระดับหมู่บ้านและแก้ไขหนี้นอกระบบ โดยใช้ กลไก “3 ออม 3 สร้าง” 3 ออม คือ (1)ออมเศรษฐกิจ (2) ออมสังคม (3) ออมสิ่งแวดล้อม และกลไก 3 สร้าง คือ
(1) การสร้างความรู้/สร้างอาชีพ เช่น โครงการมหาวิทยาลัยประชาชน ธนาคารร่วมมือกับ 11 สถาบันการศึกษาในพื้นที่ภาคใต้ จัดทำ 55 หลักสูตรเพื่ออบรมอาชีพให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งหลังจากผู้มีรายได้น้อยเข้าอบรม พบว่าทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 75%
(2) สร้างตลาด/สร้างรายได้ ธนาคารได้มีโครงการตลาด Digithai ยกระดับลูกค้าฐานรากที่ปักษ์ใต้สู่สังคมไร้เงินสด และโครงการตลาดร่วมกับภาคีในพื้นที่ เพื่อเพิ่มช่องทางหารายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อย และโครงการตลาด Street Food By GSB ซึ่งมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 3,000 ร้านค้า
(3) สร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน โดยธนาคารตั้งเป้าในปี 63 จะผลักดันเงินหมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากและ SMEs ในพื้นที่ภาคใต้ จำนวน 4 หมื่นล้านบาท ด้วยการผลักดันนโยบายจากรัฐบาลและกระทรวงการคลัง รวมถึงการร่วมมือทุกภาคส่วน จะทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืน