ONEE โตต่อเนื่องไตรมาส 2/66 กวาดรายได้รวม 1,607 ล้าน เติบโต 13.4%

ONEE เผยผลประกอบการ Q2/66

“เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์” โตต่อเนื่อง ไตรมาส 2 ปี 2566 กวาดรายได้รวม 1,607 ล้านบาท เติบโต 13.4% ตอกย้ำผู้นำคอนเทนต์ ครีเอเตอร์​ และ Entertainment & Lifestyle ครบวงจร

วันที่ 11 สิงหาคม 2566 บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE คอนเทนต์ครีเอเตอร์ชั้นนำครบวงจรของประเทศไทย ได้สรุปรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ประจำปี 2566 ที่ผ่านมาว่า สามารถทำรายได้รวม 1,607.8 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อน 13.4% และเติบโตขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 4.9% โดยรายได้จากธุรกิจรับจัดคอนเสิร์ตและการบริหารศิลปิน ยังคงครองแชมป์เป็นกลุ่มธุรกิจที่เติบโตสูงที่สุดในไตรมาสนี้ โดยบริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 นี้ จำนวน 121.0 ล้านบาท เติบโตขึ้น 134.0% จากไตรมาสก่อน

ทั้งนี้จากที่ได้วางแผนกลยุทธ์ให้กลุ่มบริษัทมี Business Proposition เป็น Entertainment & Lifestyle ครบวงจร ที่มุ่งเน้นคอนเทนต์เป็นหัวใจสำคัญในการที่จะเป็นแกนสร้างรายได้ทั้ง On Air, Online, Copyright & Licensing และ Production Services รวมไปถึงแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของกลุ่มบริษัท

ส่วนกลยุทธ์ทาง Idol Marketing ที่มีแผนสร้างศิลปินหน้าใหม่ ยังคงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย และขยายฐานสู่ระดับสากลมากขึ้น นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นพัฒนาส่วนเป็น Idol Marketing ให้เป็น Ecosystem Growth ที่ครบวงจร รวมทั้งในส่วน Showbiz ที่ไม่ใช่แค่เพียงการจัดการแสดงหรือการจัด Event เพียงอย่างเดียว แต่จะมุ่งเน้นในส่วนการสร้างกลุ่ม Community และกลุ่ม Fandom ให้มากขึ้นอีกด้วย

“จากโครงสร้างของกลยุทธ์ทั้งสามส่วนสำคัญคือ คอนเทนต์ครีเอเตอร์, Idol Marketing และ Showbiz ที่กล่าวมาแล้วนั้น บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเชื่อมโยงธุรกิจให้เข้ากับ Partnership และผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้ในทุกช่องทาง”

โดยในไตรมาส 2 นี้ บริษัทเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากไตรมาส 1 และจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในอนาคต ซึ่งเป็นการต่อยอดความนิยมให้ตัวศิลปิน ที่มาจากคอนเทนต์เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่อง อาทิ รายได้จากคอนเสิร์ตและกิจกรรมที่เติบโตขึ้น 32.6% จากไตรมาสก่อน และเติบโตขึ้น 707.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ส่วนรายได้จากค่าบริหารงานและศิลปินเติบโต 65.8% จากปีที่ผ่านมา ส่วนรายได้ที่มาจากโฆษณาและเวลาออกอากาศทางช่องโทรทัศน์ยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัทราว 46% ซึ่งในไตรมาส 2 มีละครที่โดดเด่นคือเรื่อง “รักร้าย” และ “ดอกหญ้าป่าคอนกรีต” นอกจากนี้ก็ยังมีสื่อรายการวิทยุที่สามารถทำรายได้เติบโตสูงกว่า 39.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 34.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่สามารถเติบโตในขณะที่อุตสาหกรรมยังค่อนข้างซบเซา

สำหรับในครึ่งปีหลังปี 2566 บริษัทมีแผนในการขยายฐานเจาะกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น ด้วยคอนเทนต์ในช่วงเวลาคืนวันเสาร์ของช่อง one31 คือ “Saturday Night ฟินเวอร์!!” ที่ตั้งใจให้เป็นช่วงเวลาสำหรับผลงานของศิลปิน ดารา ทั้งกลุ่ม Trendy และกลุ่ม New Gen ที่เป็นการเจาะกลุ่ม Idol Marketing ผลักดันศิลปินที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว พร้อม ๆ กับการสร้างศิลปินหน้าใหม่

โดยคอนเทนต์ที่มาเปิดตัวช่วงเวลาใหม่คือ ซีรีส์ “Laws of Attraction กฎแห่งรักดึงดูด” ต่อด้วยซีรีส์ “รักไม่รู้ภาษา Love In Translation” และเมกะโปรเจ็กต์ “Across The Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” ที่กำกับการแสดงโดยคุณบอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ

สำหรับคอนเทนต์ละครในครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนเปิดตัวละครโปรเจ็กต์ยักษ์ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัท และบริษัท SBS Contents Hub ผู้นำธุรกิจสถานีวิทยุและโทรทัศน์ชื่อดังช่อง SBS ของประเทศเกาหลีใต้ ในละครเรื่อง “VIP รักซ่อนชู้” โดยได้พระเอกตลอดกาล ป้อง ณวัฒน์ มาประกบคู่กับปุ๊กลุก ฝนทิพย์ ที่นอกจากจะออกอากาศทางช่อง one31 แล้ว ยังจะมีการออกอากาศที่ประเทศจีน และอีกหลายประเทศทั่วโลก

นอกจากนั้นยังมีละครฟอร์มยักษ์ผลิตภายใต้กลุ่มบริษัทที่ออกอากาศในครึ่งปีหลังในช่องทางต่าง ๆ อาทิ พนมนาคา, บุหงาส่าหรี, ชีวิตภาค 2, ทองประกายแสด, One Night Stand คืนเปลี่ยนชีวิต และละครบอยเลิฟเรื่องแรกของค่าย CHANGE2561 เรื่อง PIT BABE The Series รวมไปถึงซีรีส์ Enigma-คน มนตร์ เวท, The Jungle-เกมรัก นักล่า บาร์ลับ จาก GMM TV เป็นต้น

ทั้งนี้ถือได้ว่าการดำเนินงานของกลุ่มเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ในครึ่งปีแรก 2566 นี้ ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากกลยุทธ์หลัก 3 ส่วนสำคัญที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี คือ คอนเทนต์​ครีเอเตอร์, Idol Marketing และ Showbiz นั้น สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและ Lifestyle ทุกรูปแบบทั้งในประเทศและต่างประเทศ

อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำการสร้างจุดยืนที่แตกต่างและเห็นถึงสัญญาณบวกในการสร้างรายได้จากช่องทางที่แตกต่างและเป็น Ecosystem ภายในกลุ่มบริษัทอย่างแท้จริง และถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะส่งผลให้ธุรกิจในกลุ่มเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ครึ่งปีหลัง 2566 นี้ จะเติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืน