พีพี กรุ๊ป เดินรุกเกมคว้าแบรนด์ดัง-เพิ่มจุดขาย ตั้งเป้าสิ้นปีรายได้แตะ 2 พันล้าน

พีพี กรุ๊ป

พีพี กรุ๊ป เดินหน้าทำการตลาดเชิงรุก คว้าแบรนด์ดังเสริมพอร์ต พร้อมขยายจุดขายกว่า 40 จุดขาย มั่นใจสิ้นปีกวาดรายได้ 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2026 ดันรายได้แตะ 4,000 ล้านบาท

วันที่ 19 กันยายน 2566 นางสาวสุวดี พึ่งบุญพระ ประธานกรรมการ พีพี กรุ๊ป ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ชั้นนำ อาทิ ทอรี่ เบิร์ช, จีวองชี่, ลองฌอมป์, เอ็มซีเอ็ม ฯลฯ กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์การบริหารแบรนด์แฟชั่นลักเซอรี่ชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 20 ปี เราจึงมองเห็นโอกาสที่จะต่อยอดธุรกิจให้เติบโตจากเทรนด์อุตสาหกรรมแฟชั่น

โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา พีพี กรุ๊ป มีการพัฒนาทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดด ซึ่งแม้แต่ภายใต้สถานการณ์โควิด ยอดขายของบริษัทยังมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 45% โดยในปี 2023 คาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 2,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นจาก 5 ปีก่อนถึงเกือบเท่าตัว

นางสาวสุวดี พึ่งบุญพระ

ทั้งนี้ในปี 2023 ใช้งบฯลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ในการเพิ่มจุดขายในทุกพื้นที่ในจุดยุทธศาสตร์จากเดิม 2,254 ตารางเมตร (20 ร้านค้า) เป็น 4,342 ตารางเมตร (40 ร้านค้า) ภายในสิ้นปีนี้

ด้านนายโอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์ รองประธานกรรมการ พีพี กรุ๊ป กล่าวว่า ในปัจจุบัน พีพี กรุ๊ป มีกลยุทธ์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง คือมีแบรนด์ที่หลากหลายทั้งแบรนด์ในกลุ่มแฟชั่น, กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, กลุ่มไลฟ์สไตล์ และยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายของตัวเอง อีกทั้งความหลากหลายของแบรนด์และช่วงราคา ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดในวงกว้าง

โดยภาพรวมตลาดแฟชั่นรีเทลในประเทศไทยมีมูลค่ารวมเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มลักเซอรี่ ทำให้ยอดขายของแบรนด์ที่บริหารโดยกลุ่มพีพี กรุ๊ป สามารถทำยอดขายได้เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก หรือของภูมิภาคมาโดยตลอด

“เช่นเดียวกับในปีนี้เรายังคงเดินหน้าในการเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ชั้นนำที่เป็นที่ต้องการและเป็นกระแสในวงการแฟชั่นระดับโลกให้กับตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง”

ซึ่งตลอด 20 ปีที่ผ่านมา พีพี กรุ๊ป เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับการแข่งขันให้กับธุรกิจในกลุ่มแฟชั่นและไลฟ์สไตล์สำหรับตลาดประเทศไทย อาทิ การเป็นผู้เริ่มนำเสนอสินค้าในกลุ่มสตรีตลักเซอรี่ให้กับเมืองไทยในปี 2018 หรือการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจดูแลการจัดจำหน่ายให้กับ Casetify ในการนำเสนอไลฟ์สไตล์เกี่ยวกับสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำให้กับเมืองไทยเป็นครั้งแรก

แบรนด์ดัง

พร้อมกันนี้ในอนาคต พีพี กรุ๊ป ตั้งเป้าที่จะเป็น Connector หรือตัวแปรสำคัญในการเชื่อมโยงเมืองไทยกับสิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกของแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ทั่วโลก และมีเป้าหมายคือสร้างความเติบโตอย่างก้าวกระโดด หรือโตขึ้นจากเดิมเป็นสองเท่าภายใน 3 ปีข้างหน้า หรือขยายธุรกิจให้แตะ 4,000 ล้านภายในปี 2026

นอกจากนี้ยังมีทิศทางทางธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับ Retail Experience สร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ เพื่อดึงดูดให้ผู้คนและกลุ่มเป้าหมายได้เข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์กับแบรนด์เทียบเท่ากับการไปซื้อของในร้านหรือช็อปใหญ่ ๆ ในโลก

โดยบริษัทวางแผนขยายโครงสร้างธุรกิจให้มีความหลากหลาย เพื่อรองรับรูปแบบธุรกิจของแฟชั่นลักเซอรี่ที่เปลี่ยนไป ซึ่งประกอบไปด้วย

– Fashion Distributor การเป็นผู้นำเข้าแบรนด์แฟชั่น

– International Business Joint Venture การร่วมทุนกับนักลงทุนต่างชาติ เช่นแบรนด์ Gentle Monster,

– Retail Operation Service เป็นผู้ให้บริการด้านกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยใช้ความเชี่ยวชาญและความเข้าใจในตลาดไทยของพีพี กรุ๊ป ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาสร้างความเชื่อมั่น

– Marketing & Brand Building Consultancy ให้บริการเป็นที่ปรึกษาในการทำ Brand Building ในเมืองไทย ด้วยคอนเน็กชั่นที่แข็งแรงทั้งสื่อและเซเลบริตี้

แบรนด์ดัง

นอกจากนี้บริษัทยังวางกลยุทธ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันและตอบสนองความต้องการในการเลือกซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภคในทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดเป็นประสบการณ์การช็อปปิ้งไร้รอยต่ออย่างแท้จริง และมีกลยุทธ์ในการเพิ่มพื้นที่และจุดขายเพื่อตอบรับความต้องการและแนวโน้มของตลาดในปี 2023 ทั้งในส่วนของ Permanent Store และ Pop-up Store ภายในปีเดียว

รวมทั้งยังเน้นการให้บริการด้าน Omnichannel เช่นที่เปิดโอกาสให้ลูกค้า Casetify สามารถออกแบบสินค้าทั้งที่ร้านหรือผ่านออนไลน์ และสามารถรับหรือชำระสินค้าได้ในทุกช่องทาง, การ Upgrade New e-Commerce ให้เกิดประสบการณ์ของผู้ใช้งานที่ประทับใจ ง่ายต่อการใช้งานในทุก ๆ แพลตฟอร์ม และการ Upgrade Loyalty Program ทั้งการเพิ่มสิทธิประโยชน์ของการเป็นสมาชิก และการเพิ่มรูปแบบการเช็กคะแนนหรือยอดสะสมแบบ Real Time ผ่านแอปพลิเคชั่น “PP CLUB”

อย่างไรก็ตาม ด้วยความพร้อมของตลาดและกำลังซื้อของลูกค้า บริษัทคิดว่าเมืองไทยพร้อมรองรับการเติบโตของแบรนด์ใหม่ ๆ โดยล่าสุดเพิ่งเปิดตัวแบรนด์ Gentle Monster (เจนเทิล มอนสเตอร์) แบรนด์แว่นตาสัญชาติเกาหลี กับแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในเมืองไทยที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ โดยได้กระแสการตอบรับที่ดีมาก จนสินค้ารุ่นลิมิเต็ดจำหน่ายหมดภายในวันแรกที่เปิดตัว

แบรนด์ดัง

อีกทั้งภายในต้นปี 2024 ยังมีแผนที่จะขยายตลาดในกลุ่มเซ็กเมนต์ใหม่ โดยโฟกัสในการนำเข้าแบรนด์ใหม่มาแรง เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจแฟชั่นรีเทลในเมืองไทยกับกลุ่มดีไซเนอร์แบรนด์ โดยเตรียมนำแบรนด์ AMI (อาร์มี่) แบรนด์ดังจากฝรั่งเศส มาเปิดร้านแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าจะสามารถเปิดได้ในช่วงต้นปี 2024

”จากกลยุทธ์ที่วางแผนไว้ บริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถสร้างความเติบโตอย่างก้าวกระโดด หรือโตขึ้นจากเดิมเป็นสองเท่าภายใน 3 ปีข้างหน้า หรือขยายธุรกิจให้แตะ 4,000 ล้านภายในปี 2026 โดยให้ความสำคัญกับธุรกิจแบบ Brick and Mortar พร้อมไปกับการพัฒนา e-Commerce เพื่อให้สามารถขายสินค้าได้ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ทำให้มีศักยภาพสูงในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน“