เมกาบางนา สปีดเพิ่มทราฟฟิก ทุ่มโหมอีเวนต์ ปั้นคอมมิวนิตี้สัตว์เลี้ยง-สูงวัย

เมกาบางนา

“เมกาบางนา” กางโรดแมปเพิ่มทราฟฟิก ตั้งเป้าโต 10% ตัวเลขทะลุ 58 ล้านคน ย้ำปัจจัยหนุนเพียบ ทุ่มงบฯ 200 ล้าน พร้อมโฟกัสการเป็นศูนย์รวมตัวของลูกค้าศักยภาพสูงทั้งคนรักสัตว์เลี้ยง-ผู้สูงวัย ด้วยอีเวนต์ที่หลากหลายต่อเนื่องตลอดปี หวังเพิ่มความถี่การใช้บริการ พร้อมอัพเกรดไลน์อัพร้านค้า ต่อยอดพันธมิตรกลุ่มเซ็นทรัลเสริมแกร่งระบบสมาชิก กระตุ้นการจับจ่าย

นางสาววรรณวิมล อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้าเมกาบางนา กล่าวว่า ปี 2567 นี้ เมกาบางนาตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการศูนย์ไว้ที่ 58 ล้านคน หรือเพิ่มจากปี 2566 อีก 10% พร้อมผลักดันมูลค่าการจับจ่ายต่อใบเสร็จขึ้นจากยอดเฉลี่ย 4,500 บาทของปีที่แล้วอีก 10-15% เช่นกัน โดยจะอาศัยทั้งปัจจัยบวกภายนอก และกลยุทธ์การตลาดที่โฟกัสกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพสูงทั้งด้านจำนวนและกำลังซื้อเป็นหลัก ด้วยการสร้างให้ศูนย์เป็นแหล่งรวมตัวของคนเหล่านี้ มากกว่าเป็นเพียงแหล่งช็อปปิ้ง-ทานอาหาร ตามแนวคิด “YOUR EVERYDAY MEETING PLACE” และเป้าหมายจูงใจให้คนเหล่านี้มาใช้บริการถี่ยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้างโอกาสการจับจ่ายให้สูงขึ้นตามไปด้วย

“บางนา” ศักยภาพเติบโตได้อีก

นางสาววรรณวิมลกล่าวว่า สำหรับปัจจัยบวกภายนอกจะเป็นในเรื่องของศักยภาพของย่านบางนาที่ยังสูงสำหรับธุรกิจค้าปลีก ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นของประชากรในย่านนี้หลังมีโครงการอสังหาฯใหม่ ๆ เกิดขึ้นต่อเนื่อง เช่น โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ของบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งคาดว่าจะมีผู้บริโภคกำลังซื้อสูงเข้ามาพักอาศัยจำนวนมาก และในอนาคตอาจมีโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลผ่าน เช่นเดียวกับการเพิ่มขึ้นของผู้ค้าปลีกรายอื่น ๆ มาช่วยสร้างความคึกคักให้ย่านนี้

ศักยภาพนี้เห็นได้ชัดจากข้อมูลการเข้าใช้บริการและจับจ่ายในศูนย์ช่วงที่ผ่านมา แม้ศูนย์จะเปิดดำเนินการมานานกว่า 11 ปีแล้ว แต่เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมามีผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอีก 10% เป็น 53 ล้านคน หรือเท่ากับประมาณ 1.2 แสนคนในวันธรรมดา และ 2.2 แสนคนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในจำนวนนี้ 53% เป็นกลุ่มครอบครัว และกลุ่มผู้มีสัตว์เลี้ยง 40% ใช้เวลาในศูนย์เฉลี่ย 4 ชั่วโมงต่อครั้ง โดยตัวเลขผู้ใช้บริการนี้สูงกว่าช่วงก่อนโรคโควิด-19 ระบาด ซึ่งมีผู้ใช้บริการประมาณ 50 ล้านคนต่อปีแล้ว

เช่นเดียวกับด้านมูลค่าการจับจ่ายที่เติบโตขึ้น โดยตามข้อมูลของกลุ่มสมาชิกเมกา สไมล์ รีวอร์ดส์ ซึ่งมีจำนวนกว่า 360,000 คนนั้นมีอัตรามาใช้บริการ 35% เป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจศูนย์การค้า มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 4,500 บาทต่อใบเสร็จ โดยการจับจ่ายที่เกิดขึ้นแบ่งเป็น 81% รับประทานอาหาร, 32% ช็อปปิ้งสินค้าไลฟ์สไตล์ และ 23% มาซื้อของตกแต่งบ้าน นอกจากนี้การจัดงานวันเด็กเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยังมีผู้ลงทะเบียนร่วมงานล่วงหน้ามากถึง 1.2 หมื่นคน นับว่าสูงสุดตั้งแต่จัดงานวันเด็กมาอีกด้วย

“การเติบโตเหล่านี้และการมีลูกค้าขาประจำที่เป็นคนเมืองมีความสามารถการจับจ่ายสูง จึงทำให้มั่นใจว่าแม้จะเปิดมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ศูนย์การค้าเมกาบางนายังมีช่องว่างให้สามารถเติบโตต่อไปได้อีก”

เปลี่ยนศูนย์เป็นคอมมิวนิตี้

ด้านกลยุทธ์การตลาด เมกาบางนาจะเพิ่มงบฯการตลาดขึ้นอีก 10% เป็น 200 ล้านบาท เพื่อจัดอีเวนต์อย่างน้อย 13 ครั้ง อาทิ อีเวนต์ซิกเนเจอร์ของบริษัทเอง เช่น งานสัตว์เลี้ยง, งานเคานต์ดาวน์ 5 ครั้ง และอีเวนต์ตามเทศกาลต่าง ๆ เช่น ตรุษจีน, สงกรานต์ อีก 8 ครั้ง โฟกัสการเพิ่มความถี่การเข้าใช้บริการของกลุ่มรักสัตว์เลี้ยงและกลุ่มสูงวัยเป็นหลัก หลังที่ผ่านมาทั้ง 2 กลุ่มเป็นสัดส่วนใหญ่ในฐานลูกค้าทั้งหมด ด้วยสัดส่วน 40% และ 53% ตามลำดับ อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นและมีกำลังซื้อสูง เห็นได้จากเทรนด์การดูแลสัตว์เลี้ยงเหมือนลูก ซึ่งผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงลงทุนกับสัตว์เลี้ยงของตนแบบไม่อั้น และการจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มสูงวัยซึ่งมีทั้งเวลาและกำลังทรัพย์ หลังเกษียณจากงานประจำแล้ว

โดยรูปแบบของงานจะเน้นการสร้างประสบการณ์และการรับรู้ว่า ศูนย์เป็นจุดรวมตัวของทั้งกลุ่มเป้าหมายโดยตรงและเพื่อนฝูง-ครอบครัวมากกว่าการขายสินค้า-บริการแบบฮาร์ดเซล เช่น งานสัตว์เลี้ยงในเดือนมีนาคมนี้ จะจัดให้สามารถตอบโจทย์ทั้งของผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงอยู่แล้วให้พาสัตว์มาเดินเล่น พบปะกับผู้เลี้ยงสัตว์ด้วยกันและเซเลบในวงการสัตว์เลี้ยง รวมถึงช็อปอาหาร-ของใช้ เช่นเดียวกับผู้ที่สนใจจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยง จะสามารถมาเดินดูสัตว์เลี้ยง และหาข้อมูลต่าง ๆ ได้ด้วย ส่วนอีเวนต์สำหรับกลุ่มสูงวัยจะใช้อีเวนต์สงกรานต์เป็นตัวดึงดูด

“เป็นการต่อยอดจุดเด่นของศูนย์ซึ่งเปิดให้สามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้ามาใช้บริการได้อยู่แล้ว และเมื่อไม่นานนี้ อิเกียสาขาเมกาบางนา ยังเปิดให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในพื้นที่ได้ด้วยเช่นกัน จึงเป็นโอกาสผลักดันให้ศูนย์ขยับขึ้นไปเป็นแหล่งแฮงเอาต์ของผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยง ส่วนงานอีเวนต์อื่น ๆ เช่น ตรุษจีน จะปรับให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์และทันสมัยมากขึ้นด้วย เช่น การจับมือกับ ยูน-ปัณพัท ศิลปินภาพวาดอิลลัสเตรทชาวไทยมาออกแบบมังกรในแคมเปญ MEGABANGNA CHINESE NEW YEAR 2024 : GLORY OF THE DRAGON ดึงดูดกลุ่มวัยรุ่นและกระตุ้นการแชะแอนด์แชร์ ตั้งแต่ 8 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป นอกจากนี้จะมีอีเวนต์ใหญ่ครบรอบ 12 ปี ของศูนย์ในเดือนพฤษภาคมด้วย”

ปรับไลน์อัพร้านค้า-ระบบสมาชิก

นางสาววรรณวิมลกล่าวอีก นอกจากการจัดอีเวนต์แล้วยังจะปรับไลน์อัพร้านค้าภายในศูนย์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและกระตุ้นการจับจ่ายด้วยเช่นกัน โดยแม้สัดส่วนร้านค้าจะยังคงเป็นร้านอาหาร 30% และร้านแฟชั่น 40% จากทั้งหมด 900 ร้านค้า แต่จะเพิ่มความหลากหลายของร้านอาหารและร้านแฟชั่นให้มากขึ้นเพื่อให้ตอบสนองผู้บริโภคได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น หลังได้พันธมิตรใหม่อย่าง ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ และห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เข้ามาเปิดให้บริการเมื่อช่วงปลายปี 2566 และปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับผู้เช่าและแบรนด์ คาดว่าจะสามารถเปิดเผยรายชื่อร้านค้าใหม่ ๆ ได้ในช่วงไตรมาส 2 นี้

นอกจากนี้ก็จะมีการต่อยอดความร่วมมือกับเครือเซ็นทรัล เพื่อเพิ่มฐานสมาชิก เมกา สไมล์ รีวอร์ดส์ ขึ้นอีก 10% เป็นประมาณ 396,000 คน ด้วยการชูฟังก์ชั่นสะสมคะแนนแบบ 2 ต่อ คือ เมื่อจับจ่ายในศูนย์ตามเงื่อนไขจะได้ทั้งคะแนนเดอะวัน และเมกา สไมล์ รีวอร์ดส์ พร้อมกัน

อีกทั้งยังเพิ่มความยืนหยุ่นให้สามารถโอนคะแนนเมกา สไมล์ฯ ไปเป็นคะแนนอื่น ๆ อย่าง เดอะวัน หรือบลูการ์ดของ ปตท.ได้ด้วย โดยจะเพิ่มพันธมิตรด้านการสะสมแต้มให้หลากหลายขึ้นอีกในอนาคต

หรือจะใช้คะแนน เมกา สไมล์ฯ แลกรับของรางวัลและสิทธิพิเศษต่าง ๆ ในศูนย์ได้ เช่น ที่จอดรถภายในศูนย์, บริการรับจอดรถ (E-VALET) และบริการจองรถเข็นวีลแชร์ (WHEEL CHAIR) ทั้งหมดนี้สามารถจองผ่านทางแอปพลิเคชั่นเมกาบางนาได้

“ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้เชื่อว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการขึ้นอีก 10% ซึ่งค่อนข้างท้าทายได้เช่นเดียวกับการเพิ่มยอดการจับจ่ายและจำนวนสมาชิกเมกา สไมล์ฯ อีก 10% แม้จะเป็นศูนย์ที่เปิดมานานกว่า 12 ปีแล้วก็ตาม” นางสาววรรณวิมลย้ำในตอนท้าย