“สกินไซรัป” บุกรอบทิศลุยเครื่องสำอาง

“สกินไซรัป” ลุยธุรกิจสกินแคร์แข่งเดือด ชูจุดแข็งสร้างนวัตกรรมสมุนไพรธรรมชาติเจาะผู้บริโภคผู้ชาย-ผู้หญิง กลุ่มวัยทำงาน พร้อมเพิ่มช่องทางจำหน่าย คาดสร้างรายได้โต 10%

นางสาวพรรธกา ขันติธรรมากรผู้บริหาร บริษัท สกินไซรัป จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมของธุรกิจสกินแคร์อยู่ในช่วงแข่งขันกันอย่างดุเดือด เนื่องจากผู้บริโภคทั้งชายและหญิงต่างให้ความสำคัญในการดูแลตัวเอง ส่งผลให้ผู้ประกอบการเล็งเห็นโอกาสในการผลิตสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ตลาดผลิตภัณฑ์ความงามมีอัตราการโตขึ้นกว่า 10%

ในขณะที่ “สกินไซรัป” อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ผลิตจากธรรมชาติมีสารสกัดจากสมุนไพรจีนและสมุนไพรไทย มีทั้ง แชมพู, ครีมนวด, เจลอาบน้ำ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จึงล้วนสกัดจากธรรมชาติมาจากนวัตกรรมจากสมุนไพรที่เป็นส่วนประกอบหลักได้แก่ สมุนไพรจีน เช่นถั่งเช่า งา ถั่ว และมีสวนผสมของสมุนไพรไทย เช่น อัญชัน เจาะกลุ่มผู้บริโภค ผู้หญิงและผู้ชาย ช่วงวัยทำงานอายุตั้งแต่ 26 ปีขึ้นไป ถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ซึ่งในสิ้นปีนี้คาดว่าจะขยายฐานสินค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเพิ่มคอนเทนต์ทางออนไลน์ อาทิ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ไอจี เป็นต้น เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงแบรนด์และได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ ถือว่าตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่สนใจผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับธรรมชาติ โดยเฉพาะผู้บริโภคกลุ่มผู้ชาย เห็นได้ว่าผู้ชายจะมีปัญหาเรื่องผมร่วงมากกว่าผู้หญิง และผู้บริโภคกลุ่มผู้ชายเป็นอีกกลุ่มที่มีกำลังซื้อเริ่มโตขึ้น เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคชายมีการใช้จ่ายเพื่อตอบสนองความต้องการด้านไลฟ์สไตล์มากขึ้น เมื่อเทียบกับ5 ปีที่ผ่านมา

ส่วนแนวทางการดำเนินธุรกิจในปี 2561 นี้ สกินไซรัปจะเริ่มขยายช่องทางจำหน่ายมากขึ้น ควบคู่กับช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ไอจี และร้านต่าง ๆ อาทิ ร้าน The selected, siam center ชั้น 3, O.D.S., siam discovery ชั้น 3, ร้าน or-ganic supply ลาดพร้าว 71 ร้าน abracadabra บ้านเอกมัย ซอยแจ่มจันทร์ ร้าน Good health พัฒนาการ 53 ร้าน At Taladphlu ตลาดพลู ร้าน Hey Coffee ทุกสาขา ร้าน Green bushel, เชียงใหม่ และร้านสุขภาพต่าง ๆ ในเขต กทม. และร้านสุขภาพที่ประเทศสิงคโปร์

นอกจากนี้ “สกินไซรัป” มีแผนเปิดตัวสินค้าเข้ามาทำตลาดอีกประมาณ 2-3 รายการ เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับกลุ่มผู้บริโภค โดยสิ้นปี 2561 นี้ คาดว่าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10%