ปรับภาพ “บาวแดง” 8.7 พันล้านเพิ่มฐานผลิต

คอลัมน์ จับกระแสตลาด

เส้นทางของเครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง” กว่า 16 ปีที่ผ่านมา ผูกติดกับวงคาราบาว น้าแอ๊ด-ยืนยง โอภากุล เพลงเพื่อชีวิต ความเป็นนักสู้ (ผู้ยิ่งใหญ่) มาโดยตลอด ประกอบกับการทำตลาดที่โฟกัสฐานลูกค้าอย่างกลุ่มผู้ใช้แรงงานเป็นหลัก ทำให้ภาพของแบรนด์ไม่ชักจูงใจกลุ่มผู้ดื่มชูกำลังรุ่นใหม่ให้เข้ามาเป็นฐานลูกค้าได้มากนัก

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปัญหาเศรษฐกิจ กำลังซื้อ มีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังชะลอการเติบโต เพราะฐานลูกค้าหลักของสินค้าได้รับผลกระทบในแง่กำลังซื้อ

ทำให้คาราบาวต้องออกไปหาตลาดที่ใหญ่ขึ้นเพื่อสร้างการเติบโต จึงเป็นภาพของการเข้าไปทุ่มเม็ดเงินในต่างประเทศ เช่น การสนับสนุนสโมสรฟุตบอลในพรีเมียร์ลีก หรือลีกคัพ ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นคาราบาวคัพ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ โดยเฉพาะในอังกฤษ ที่วางเอาไว้เป็นสปริงบอร์ดบุกยุโรป และพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ตลาดในประเทศก็ยังเป็นที่มั่นหลักที่คาราบาวต้องการพิชิตเบอร์ 1 ให้ได้ภายใน 3 ปีจากนี้ แต่การจะไปถึงเป้าหมายนั้นต้องมีฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น และพิชิตพื้นที่ที่ยังเสียเปรียบคู่แข่งอยู่ในขณะนี้ให้ได้ เช่น ในภาคอีสาน ซึ่งเป็นฐานใหญ่ของกลุ่มผู้บริโภคเครื่องดื่มประเภทนี้

“กมลดิษฐ สมุทรโคจร” รองกรรมการผู้จัดการ และ chief productions officer (CPO) กลุ่มโรงงาน บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด ชี้ว่า ปัจจุบันคาราบาวมีมาร์เก็ตแชร์รวมประมาณ 25% หากจะขึ้นเป็นผู้นำต้องมีมาร์เก็ตแชร์อย่างน้อย 33% ซึ่งภายใน 3 ปีจากนี้จะต้องมีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 3% โดยเฉพาะการเข้าไปเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในภาคอีสาน ผ่านการทำกิจกรรมบีโลว์เดอะไลน์ และสาวบาวแดง ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 500 คน ที่จะลงลึกไปตามชุมชน ร้านค้าและจุดขายที่คาราบาวมีเน็ตเวิร์ก ซึ่งสามารถแทร็กข้อมูล รับทราบยอดขายได้ทันที พร้อมกับการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์คาราบาวให้ทันสมัย โดนใจคนรุ่นใหม่มากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้า และรับกับเทรนด์การเติบโตในภาพรวมที่กลุ่มวัยรุ่น คนทำงาน อายุตั้งแต่ 25-34 ปี ซึ่งมีอัตราการบริโภคที่ขยายตัวถึง 102%

การเข้าไปทำตลาดกับกลุ่มนี้ คาราบาวจะเพิ่มการสื่อสารออนไลน์ ทั้งในโซเชียลมีเดีย ไลน์ เว็บไซต์ ฯลฯ ให้ข้อมูล จัดกิจกรรม รวมถึงการสื่อสารในภาพใหญ่อย่าง TVC ที่ครอบคลุมไปทั่วประเทศ โดยได้ลอนช์ภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “ทำให้สุดฝีมือ” เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ต่อยอดจากการเปิดตัวคาราบาวแคน ที่ดึงศิลปินฮิปฮอป ทูพี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในช่วงก่อนหน้า

“กมลดิษฐ” ยังระบุต่อไปอีกว่า ในด้านของการผลิตรองรับการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ บริษัทได้ย้ายสายการผลิตทั้งหมดมารวมกันที่ศูนย์กลางแห่งใหมj อำเภอบางปะกง ฉะเชิงเทรา บนพื้นที่ 180 ไร่ ใช้งบฯลงทุนราว 8,700 ล้านบาท (ตั้งแต่ปี 2558-2561)

ประกอบไปด้วย 3 โรงงาน ได้แก่ โรงงานผลิตขวดแก้ว (APG) กำลังผลิต 1.3 พันล้านขวด/ปี โรงงานบรรจุสินค้าเครื่องดื่มชูกำลัง (CBD) และโรงงานผลิตกระป๋องอะลูมิเนียม (ACM) กำลังผลิต 1 พันล้านกระป๋อง/ปี ซึ่งจะสามารถรองรับการขยายธุรกิจในช่วง 2 ปีต่อจากนี้

และยังมีพื้นที่ในโรงงานสามารถเพิ่มไลน์ผลิตได้อีก ตลอดจนที่ดินอีก 10 ไร่ที่เหลือหากต้องการสร้างโรงงานใหม่เพิ่มลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงภายนอก บริหารจัดการตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ด้วยแขนขาของตัวเอง สู่เป้าหมายการเป็นแบรนด์ระดับโลก