“พานาโซนิค” เพิ่มลงทุนโรงงาน บุกรอบทิศสปีดยอดแสนล้าน

พานาโซนิครื้อกลยุทธ์การตลาด ผนึกกลุ่มธุรกิจในเครือร่วมทำตลาดโซลูชั่น หวังเพิ่มความเร็ว-ศักยภาพรับการแข่งขันดุเดือดทุกวงการ ประเดิมคู่เครื่องใช้ไฟฟ้า-อีโคโซลูชั่นร่วมขายระบบปรับอากาศ ชูทำความเย็น-เพิ่มคุณภาพอากาศ พร้อมรุกตลาดสมาร์ทโฮมเน้นความสะดวก-ปลอดภัย เจาะกลุ่มอสังหาฯ ด้านโรงงานลงทุนเพิ่มกำลังผลิตสินค้าพาณิชย์รับดีมานด์ทั้งไทย-เทศ มั่นใจปิดปีปั้นรายได้ 9.5 หมื่นบ้านบาท ตามเป้าแน่นอน

นายฮิเดคาสึ อิโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอุตสาหกรรมปีนี้มีโอกาสเติบโตสูง จากปัจจัยบวกทั้งสภาพอากาศและความตื่นตัวเรื่องมลพิษที่สร้างดีมานด์เครื่องปรับอากาศ รวมถึงกระแสสมาร์ทโฮมในกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาฯที่ต้องการสร้างจุดขายรับมือการแข่งขัน ในขณะที่การลงทุนอีอีซีกระตุ้นดีมานด์เครื่องจักรและระบบโรงงาน เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีแนวโน้มขยายตัว จึงเป็นโอกาสสำคัญของบริษัทซึ่งมีไลน์อัพสินค้าครบทุกกลุ่มจาก 4 หน่วยธุรกิจ ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน, อุปกรณ์แสงสว่างและระบบต่าง ๆ ในที่อยู่อาศัย หรืออีโคโซลูชั่น, โซลูชั่นธุรกิจ-อุตสาหกรรมและชิ้นส่วนยานยนต์ จะเข้าทำตลาดรับดีมานด์เหล่านี้

พร้อมกันนี้ได้ทดลองปรับนโยบายการทำตลาดใหม่ ด้วยการดึงแต่ละกลุ่มธุรกิจในเครือมาทำตลาดร่วมกันเป็นครั้งแรกเพื่อเพิ่มความรวดเร็วและใช้ประโยชน์จากไลน์อัพสินค้า-โนว์ฮาวที่กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ในเครือมีอยู่ได้เต็มที่ จากเดิมที่ทำการตลาดแยกกัน ซึ่งจะช่วยให้รับมือการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นในทุกเซ็กเมนต์โดยเฉพาะกับแบรนด์จีนได้ดียิ่งขึ้น

โดยได้ลอนช์โซลูชั่น “ควอลิตี้ แอร์ ฟอร์ ไลฟ์” (quality air for life) ซึ่งเป็นการทำตลาดร่วมกันระหว่างธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านกับธุรกิจอีโคโซลูชั่น เพื่อขายระบบปรับอากาศในครัวเรือน ซึ่งอาศัยการทำงานร่วมกันของแอร์และระบบระบายอากาศ เพื่อควบคุมอุณหภูมิและเพิ่มคุณภาพอากาศในบ้านไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นทำความเย็น, กรองฝุ่น PM 2.5 และระบายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังเดินหน้ารุกตลาดสมาร์ทโฮม เน้นจุดขายด้านความปลอดภัยด้วยระบบกล้องวงจรปิดและระบบรักษาความปลอดภัย รวมถึงการตรวจสอบและความสะดวกสบายจากการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า-อุปกรณ์ต่าง ๆ ในบ้านผ่านออนไลน์ มุ่งตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคที่สนใจเรื่องคุณภาพอากาศและความปลอดภัยของชีวิต-ทรัพย์สินมากขึ้น รวมถึงผู้พัฒนาอสังหาฯซึ่งต้องการจุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่ง

ทั้งนี้ แม้รายละเอียดของการทำตลาดยังอยู่ระหว่างการวางแผน โดยเฉพาะกลุ่มสมาร์ทโฮม เนื่องจากเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ของทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ที่ผ่านมามีเพียงการบอกปากต่อปากเป็นหลัก แต่ยังคงทิศทางที่จะสื่อสารไปยังคนรุ่นใหม่ผ่านสื่อดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย เน้นชูเรื่องภาพลักษณ์ความทันสมัยและนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อเสริมกับจุดแข็งด้านความเชื่อมั่น โดยหากนโยบายใหม่นี้ประสบความสำเร็จจะนำไปใช้กับการทำตลาดโซลูชั่นอื่น ๆ ต่อไป

ขณะเดียวกันเตรียมลงทุนขยายการผลิตของโรงงานในประเทศไทยรองรับดีมานด์ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงนำสินค้าเชิงพาณิชย์ใหม่ ๆ เข้ามาทำตลาดรับการขยายตัวของภาคอสังหาฯและภาคธุรกิจ

ด้านทิศทางของตัวกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ นั้นต้องรอความชัดเจนหลังปิดปีงบประมาณ 2561 (1 เม.ย. 2561-31 มี.ค. 2562) แต่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วงต้นปีนี้จะเน้นทำตลาดแอร์เป็นหลัก เนื่องจากมีแนวโน้มที่อากาศจะร้อนจัดและมีความสนใจเรื่องคุณภาพอากาศมากขึ้น โดยเพิ่มจำนวนไลน์อัพแอร์ที่มีระบบฟอกอากาศเข้ามาเพื่อรับดีมานด์จากกระแส PM 2.5 ซึ่งกระตุ้นดีมานด์เครื่องฟอกอากาศและแอร์ที่มีฟังก์ชั่นฟอกอากาศได้จนช่วงที่ผ่านมาสินค้าขาดตลาดเช่นเดียวกับรายอื่น ๆ ส่วนธุรกิจอื่น ๆ จะอยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ไลฟ์สไตล์อัพเดต ซึ่งเป็นทิศทางธุรกิจสำหรับ 100 ปีข้างหน้า เน้นการพัฒนาโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์ด้านที่อยู่อาศัย การเดินทาง และภาคธุรกิจ เช่น หุ่นยนต์สำหรับภาคธุรกิจ รถยนต์ไฟฟ้า ระบบสมาร์ทโฮม เป็นต้น

เชื่อว่าการปรับกลยุทธ์นี้จะช่วยให้ปี 2562 นี้ มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 9.5 หมื่นล้านบาท และขยับเป็น 1 แสนล้านบาท ในปี 2563 ตามเป้า หลังจากปี 2561 คาดว่าจะมีรายได้ 9.1 หมื่นล้านบาท ไม่เติบโตจากปี 2560 เพราะแอร์ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศจนยอดขายต่ำกว่าเป้า แต่ได้รายได้ส่งออกมาพยุงไว้