ผู้ผลิตรายการทีวี…ดิ้นปรับตัว แห่แตกไลน์ธุรกิจหวังเพิ่มรายได้

จากเม็ดเงินโฆษณาที่ลดลงต่อเนื่อง บวกกับพฤติกรรมการรับสื่อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนโดยหันไปดูรายการผ่านออนไลน์มากขึ้น นอกจากจะทำให้ทีวีทุกช่องต้องเร่งปรับตัวแล้ว เพื่อตรึงคนดูและดึงเรตติ้งให้กลับคืนมา โดยมีเป้าหมายใหญ่ที่การดึงเม็ดเงินโฆษณามาครอบครองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สำหรับผู้ผลิตรายการทีวี ต่างก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน และเป็นที่รับรู้กันว่า ที่ผ่านมาผู้ผลิตรายการทีวีรายกลางรายเล็กหลายรายได้ทยอยโบกมือลาวงการไปเงียบ ๆ เพราะทนพิษขาดทุนไม่ไหว และวันนี้ก็ถึงคิวของค่ายใหญ่ที่ต่างต้องเร่งปรับตัว ต้องดิ้นหาทางออก ด้วยการมุ่งสร้างรายได้จากช่องทางใหม่ ๆ เข้ามาเสริม

แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท เจเอสแอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ผู้ผลิตคอนเทนต์ เกมโชว์ วาไรตี้ ละคร เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เจเอสแอลได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัท พสุธารา จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลบ้านและของใช้ส่วนบุคคล ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ แบรนด์ “Ali Natural” และจากนี้เจเอสแอลจะเข้าไปดูแลด้านการตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายของแบรนด์ “Ali Natural” ที่ปัจจุบันมีสินค้า 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ สกินแคร์ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือน และสเปรย์ไล่ยุง โดยขณะนี้วางจำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น ได้แก่ ไลน์ เฟซบุ๊ก “Alinaturalliving” และ Konvy.com เท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเปิดช็อปสาขาแรกที่มิกซ์ยูส จตุจักร ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ รวมทั้งมีแผนจะสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ สำหรับการให้ข้อมูลด้านสุขภาพแบบองค์รวม และเปิดคอร์สอบรมทางโภชนาการ ภายใต้ชื่อ “SUKINA” โดยได้ “เอื้อมพร แสงสุวรรณ” อดีตบรรณาธิการนิตยสารชีวจิต และนักบำบัดโรคด้วยอาหาร NTP (Nutritional Therapy Practitioner) มาดูแล

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเสริมธุรกิจหลักของเจเอสแอล ที่หลัก ๆ จะอยู่ที่เรื่องของการผลิตรายการทีวี บริหารคอนเทนต์ ดูแลลิขสิทธิ์แคแร็กเตอร์การ์ตูน การสื่อสารแบรนด์ อีเวนต์ ออร์แกไนเซอร์ โดยล่าสุดบริษัทก็ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม JSL CUBE ช่องทางสำหรับการรับชมรายการย้อนหลังและรวมคอนเทนต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟในรูปแบบวิดีโอออนดีมานด์ จากก่อนหน้านี้ที่ได้เปิดสถาบัน My one Class คอร์สการเรียนการสอนแบบออนไลน์ด้านการแสดง-แต่งเพลง

ด้านความเคลื่อนไหวของ “เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์” ผู้ผลิตรายการวาไรตี้รายใหญ่ ที่ผลิตรายการป้อนให้ช่อง 7 แม้จะปักธงธุรกิจได้แน่นแล้ว แต่ก็มีการปรับตัวอย่างน่าสนใจ “วราวุธ เจนธนากุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด บอกว่า นอกจากการพยายามปรับลดต้นทุนต่าง ๆ

แล้ว บริษัทยังได้แตกธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างรายได้เข้ามาเสริม อาทิ การจับมือกับวายจี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ บริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่จากเกาหลี เพื่อนำเข้าเครื่องสำอางแบรนด์ “moonshot” มาจำหน่ายในประเทศไทย โดยมี “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” วงแบล็คพิงค์ เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์และพรีเซ็นเตอร์ให้แก่คอลเล็กชั่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ซึ่งวางจำหน่ายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นกว่า 7,000 สาขาทั่วประเทศ

จากก่อนหน้านี้ได้จับมือกับพันธมิตรจากประเทศเกาหลี ตั้งบริษัท เวลโค จำกัด เพื่อนำเข้าและจำหน่ายสินค้าผ่านทางโฮมช็อปปิ้ง อาทิ สกินแคร์แบรนด์ “ด็อกเตอร์ไมเออร์ส” (Dr.Myer”s) เครื่องครัว “คิทเช่นเน็กซ์” (kitcheNex) และเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็ก

ขณะที่ “กันตนา” ก็มีความเคลื่อนไหวในการแตกไลน์ธุรกิจ เพื่อสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ เช่น การตั้งบริษัท กันตนา สปอร์ต แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อให้บริการธุรกิจที่เกี่ยวกับอีสปอร์ต ที่เป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตและได้รับความนิยม รวมทั้งการลงทุนสร้างทีมอีสปอร์ต สำหรับแข่งขันระดับประเทศและระดับโลก

แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า ตอนนี้ธุรกิจผลิตคอนเทนต์ไม่หวือหวาเหมือนช่วง 4-5 ปีก่อน เพราะเม็ดเงินโฆษณาลดลงเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ผลิตคอนเทนต์ต้องปรับตัว ด้วยการมุ่งสร้างรายได้จากช่องทางใหม่ ๆ เข้ามาเสริม

ส่วนทางฟากทีวี ธันเดอร์ “พิรัฐ เย็นสุดใจ” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ธันเดอร์ จำกัด (มหาชน) เคยให้ข้อมูลว่า ตอนนี้ตลาดเปลี่ยนไป และเม็ดเงินโฆษณาที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ผลิตรายเล็ก ๆ ต้องปิดตัวลงเป็นระยะ ๆ ส่วนผู้ผลิตรายใหญ่ที่เหลืออยู่ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน คือ รายได้มีแนวโน้มที่หดตัวลง ทุกค่ายจึงต้องทยอยปรับตัว สำหรับทีวี ธันเดอร์เองก็พยายามบาลานซ์ความเสี่ยงทางธุรกิจ ด้วยการรับจ้างผลิตและแบ่งรายได้กับช่อง (time sharing) และหันไปให้ความสำคัญกับการผลิตคอนเทนต์ เพื่อป้อนให้แพลตฟอร์มโอทีที (OTT) หรือผลิตคอนเทนต์บนออนไลน์ เช่น ไลน์ทีวี เอไอเอสเพลย์มากขึ้น

นอกจากนี้ ยังได้ทดลองโมเดลใหม่ ๆ อาทิ การจับมือกับดารา ผลิตรายการย่อยลงช่องยูทูบ เช่น ร่วมกับ ดีเจ.นุ้ย สร้างรายการ “นังตัวดี” หรือเบนซ์ พรชิตาและมิค บรมวุฒิ สร้างรายการ “ปริมไม่อาว” ก่าก๊าน้อย หนูเล็ก ก่อนบ่าย เป็นต้น และกำลังจะทยอยเพิ่มรายการในลักษณะนี้อีกในอนาคต

ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นดังกล่าว อย่างน้อยที่สุดก็เป็นการพยายามประคองรายได้และธุรกิจให้เดินต่อไปได้ เมื่อไหร่ที่ภาวะเศรษฐกิจกลับมาเป็นใจก็จะได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง