อังกฤษตรางู พลิกแผนสู้โควิด บุก “กัญชา-อาหารเสริม” หนุนทัพแป้งเย็น

อังกฤษตรางู พลิกเกมสู้พิษโควิด ชี้เศรษฐกิจ-กำลังซื้อ สะดุดทำยอดสินค้าเพอร์ซันนอลแคร์ร่วงหนัก ประกาศปูพรมทัพสินค้าใหม่เสริมพอร์ต ลุยอาหารเสริมรับเทรนด์สุขภาพมาแรง เตรียมบุกสินค้ากัญชง-กัญชา วางขายไตรมาสแรกปีหน้าเพิ่มน้ำหนักช่องทางออนไลน์ รอไวรัสจางจ่อบุกจีน-อินเดีย

นายอนุรุธ ว่องวานิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด ผู้ผลิตสินค้าดูแลร่างกาย อาทิ แบรนด์ ตรางู, ทีทรี, สกาแคร์ รวมถึงยา-อาหารเสริมแบรนด์ “เซ็นลุกซ์” เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง และเป็นตัวแปรทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป

และส่งผลกระทบกับยอดขายและทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวรับมือกับวิกฤตที่เกิดขึ้น ด้วยการปรับวิธีการทำงานให้เข้ากับยุคนิวนอร์มอล (new normal) ควบคู่กับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม เพื่อประคับประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นช่วงที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้

โควิด-19 ทุบเพอร์ซันนอลแคร์

ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อังกฤษตรางู ระบุว่า เช่นเดียวกับ อังกฤษตรางู ที่ปัจจุบันมีไลน์โปรดักต์ที่หลากหลาย นอกจากแป้งเย็นตรางูที่เป็นเอกลักษณ์ของบริษัทแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์เจลอาบน้ำ สเปรย์เย็น ผ้าเช็ดทำความสะอาดผิวสูตรเย็น (body wipe) รวมไปถึงธุรกิจยาและอาหารเสริมต่าง ๆ

อาทิ ยาแก้ไข้ ยาแก้ไอเด็ก ยาแก้หวัดเด็ก ยาแก้ไอน้ำดำ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ส่วนตัว หรือเพอร์ซันนอลแคร์ มียอดขายลดลง 40% หลัก ๆ มาจากกำลังซื้อที่ลดลง ผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่าย เน้นซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน

จากยอดขายและรายได้ที่ลดลง ทำให้บริษัทต้องหันมาเน้นการบริหารการจัดการมากขึ้น โดยเฉพาะการควบคุมและระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่าย ควบคู่กับการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกช่องทางมากขึ้น ที่ผ่านมาได้เข้าไปในช่องทางใหม่ ๆ เช่น สนามกอล์ฟ งานรับปริญญา และอื่น ๆ เพื่อเสริมกับช่องทางหลักโมเดิร์นเทรดและเทรดิชั่นนอลเทรด, ร้านยา, อีคอมเมิร์ซ เป็นต้น

ปูพรมสินค้าใหม่-ลุยอาหารเสริม

นายอนุรุธกล่าวต่อไปว่า ปกติในช่วงฤดูร้อน เดือนมีนาคม-เดือนมิถุนายน ผลิตภัณฑ์ตรางูทุกตัวจะขายดีมาก และจะผลักดันให้ยอดขายช่วงครึ่งปีแรกมีประมาณ 70% แต่ปีนี้ด้วยภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ไม่ดี ยอดขายในภาพรวมลดลง ทำให้บริษัทต้องหันไปโฟกัสกลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ยา (ยาแก้ไข แก้หวัด) และอาหารเสริม (life tune) ที่เกี่ยวกับการเสริมภูมิต้านทาน เช่น วิตามินดี และไบโอซิงก์ เน้นจำหน่ายในช่องทางร้านขายยา และมาร์เก็ตเพลซต่าง ๆ เพื่อสร้างรายได้ทดแทน

รวมทั้งการได้พัฒนาสินค้าใหม่ หน้ากากอนามัย N95 Rescue Guard, ผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ทำความสะอาด ทั้งแบบเจลและสเปรย์ เพื่อรองรับความต้องการในตลาดในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด

จากเทรนด์ที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพมากขึ้น มีส่วนหนุนให้ปีนี้ยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกัน ตลาดนี้ก็มีการแข่งขันสูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งในแง่ของนวัตกรรม และราคาที่เข้าถึงง่าย เพราะผู้ประกอบการหลาย ๆ รายหันมาให้ความสำคัญในการพัฒนาสินค้าที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น

“ขณะที่สินค้าบางตัวขายไม่ดี แต่หลังจากที่บริษัทได้ลอนช์สินค้าใหม่ บอดี้สเปรย์เย็น ออกมาทำตลาดก็พบว่าได้รับการตอบรับที่ดี และส่วนหนึ่งมีการซื้อไปบริจาคให้กับทีมแพทย์พยาบาลในภาคสนามที่ต้องใส่ชุด PPE เพราะมีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ ช่วยสร้างความเย็นให้แก่ผิวทันทีหลังฉีด และช่วยลดอุณหภูมิได้ 8 องศาภายใน 60 วินาที และเย็นนานต่อเนื่องเกือบ 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ บริษัทยังนำสินค้าไปบริจาคให้โรงพยาบาลต่าง ๆ กว่า 100 แห่ง”

ร่วมวงสินค้ากัญชง-กัญชา

นายอนุรุธกล่าวต่อไปว่า สำหรับทิศทางการดำเนินงานจากนี้ บริษัทมุ่งให้ความสำคัญในการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมพอร์ตโฟลิโอให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น ล่าสุดได้เตรียมวางแผนจะลอนช์ผลิตภัณฑ์เพอร์ซันนอลแคร์ที่มีส่วนผสมของกัญชง กัญชา เข้าสู่ตลาด ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 70% โดยมีแผนจะวางตลาดในช่วงไตรมาสแรก ปี 2565 บริษัทค่อนข้างคาดหวังและมั่นใจว่า สินค้าจะเติบโตในตลาดได้ดี และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

ขณะเดียวกัน บริษัทก็จะให้น้ำหนักในการเพิ่มช่องทางจำหน่ายให้มากขึ้น โดยจะมุ่งไปที่ช่องทางออนไลน์ ที่ผ่านมาก็ได้มีการนำสินค้าต่าง ๆ เข้าไปจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์ม ลาซาด้า และช้อปปี้ ให้ลูกค้าเข้าถึงได้หลายช่องทาง

ปัจจุบันสินค้าตรางูยังไม่มีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง จึงต้องอาศัยแพลตฟอร์มเหล่านี้ และเชื่อว่าช่องทางออนไลน์มีโอกาสในการเติบโต และได้ให้ความสำคัญมาก โดยได้จ้างพนักงานที่มีความชำนาญในเรื่องของดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเข้ามาทำงานและช่วยโปรโมตแบรนด์

“ก่อนหน้านี้ บริษัทได้มีการปรับภาพลักษณ์เพื่อลดอายุแบรนด์ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ ๆ มากขึ้น ซึ่งก็เป็นกลยุทธ์ที่บริษัทได้ทำมาอยู่เป็นระยะ ๆ จากการใช้อินฟลูเอนเซอร์มาช่วยแนะนำสินค้าให้เข้าถึงคนรุ่นเจน Y เจน Z มากขึ้น ควบคู่กับการจัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ที่จะมีเป็นระยะ ๆ”

จ้องบุกตลาดจีน-อินเดีย

นายอนุรุธกล่าวว่า ส่วนตลาดในต่างประเทศที่ผ่านมาได้นำสินค้าเข้าไปขายผ่านตัวแทนจำหน่ายในมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เพื่อทำตลาดในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี หรือกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม และจากนี้ไปจะโฟกัสตลาดจีน ซึ่งมีศักยภาพสูงจากขนาดประชากรและมีการตอบรับแบรนด์และสินค้าแป้งเย็นดีมาก สะท้อนจากยอดขายโตถึง 3 เท่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยจะเน้นการขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวจีน พร้อมสร้างการรับรู้แบรนด์และกระจายสินค้าเข้าช่องทางต่าง ๆ ให้ครอบคลุม

รวมถึงมีแผนจะขยายตลาดอินเดีย แต่หลังจากที่โควิด-19 มีการระบาดอย่างหนักจึงต้องปรับแผนใหม่ จากก่อนหน้านี้จะเน้นวางขายผ่านร้านสะดวกซื้อ ต้องปรับมาหาตัวแทนจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์ รวมถึงการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ที่ต้องขออนุญาตด้านมาตรฐานสินค้า และต้องปรับแผนธุรกิจในระยะยาวต่อไป หลังโควิดคลี่คลาย

“อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าผลกระทบจากโควิดอาจลากยาวไปถึงปลายปี แต่เชื่อมั่นว่าการวางแผนบริหารจัดการและการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมจะช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตได้ 5%” นายอนุรุธกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู ประกอบด้วย 1.บริษัท ห้างขายยาอังกฤษ (ตรางู) จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านการค้าส่ง ค้าปลีก และจัดจำหน่าย 2.บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด ผู้ผลิตสินค้า สินค้าของใช้ส่วนตัว สินค้าเวชภัณฑ์และสมุนไพร ภายใต้เครื่องหมายการค้า ตรางู, เซนลุกซ์, ควินนา

กลุ่มสินค้าเวชภัณฑ์และสมุนไพร อาทิ Gelimag, Emulax, Neozolone, Sketolene 3.บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจด้านการจัดจำหน่าย สินค้าของใช้ส่วนตัว และสกินแคร์ เครื่องหมายการค้า ทีทรี, สกาแคร์ เป็นต้น

4.บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ เฮลท์แคร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านการจัดจำหน่ายสินค้าเวชภัณฑ์และสมุนไพร และ 5.บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) สาย 5 จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านรับจ้างการผลิต