ไทย ออโต ทูลส์ ยกระดับคุณภาพรับอุตฯอีวี

ไทย ออโต ทูลส์
คอลัมน์ : ออโตอัพเดต

กลุ่มบริษัท ไทย ออโต ทูลส์ ฉลองความสำเร็จ 30 ปี ผู้นำอุตสาหกรรมแม่พิมพ์โลหะ รุกยกระดับคุณภาพบุคลากร และเทคโนโลยีทันสมัยรองรับการผลิตรถอีวี พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ดร.พยุง ศักดาสาวิตร ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ไทย ออโต ทูลส์ / กรรมการ บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจออกแบบและสร้างแม่พิมพ์โลหะ อุปกรณ์จับยึดและผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อยกระดับองค์กรสู่มาตรฐานสากล และเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งมีแผนนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป โดยล่าสุดได้จัดงานฉลองครบรอบ 30 ปี

พร้อมประกาศนำธุรกิจก้าวสู่ศักราชใหม่อย่างแข็งแกร่ง ภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจ เติบโตด้วยกันอย่างยั่งยืน “Growing Together, Sustainably” และวิสัยทัศน์สู่ความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมแม่พิมพ์โลหะและชิ้นส่วนยานยนต์ของภูมิภาคเอเชีย ที่ได้รับการยอมรับระดับสากล โดยมี ลูกค้า คู่ค้า สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา และพนักงาน

บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) และ กลุ่มบริษัท ไทย ออโต ทูลส์ เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยคนไทย 100% ในปี พ.ศ.2536 ภายใต้การนำของ ดร.พยุง ศักดาสาวิตร นายบัณฑูร เหล่าสินชัย และนายคาวุธ หฤทัย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตแม่พิมพ์โลหะ ซึ่งเห็นศักยภาพ โอกาส ที่จะนำความรู้ความสามารถมาพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์และยานยนต์ของไทยให้ก้าวไกลมากยิ่งขึ้น

ตลอดระยะเวลา 30 ปี ของการดำเนินธุรกิจ ได้รับการยอมรับในระดับสากล ถึงคุณภาพบุคลากร ความชำนาญ เทคโนโลยีการผลิต และระบบการทำงานที่ได้มาตรฐานทุกขั้นตอน โดยได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกจากประเทศญี่ปุ่น อาทิ Honda Toyota Mitsubishi ให้ทำหน้าที่ออกแบบและสร้างแม่พิมพ์โลหะ อุปกรณ์จับยึด เพื่อการประกอบ อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ

ตลอดจนการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ป้อนสายการผลิตของลูกค้าทั้งที่ต้องการจำนวนการผลิตปริมาณมาก และต้องการความพิถีพิถัน ละเอียด แม่นยำสูง รวมถึงได้รับความไว้วางใจจาก แบรนด์ผู้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงระดับสากลจากประเทศเยอรมนี ให้ผลิตชิ้นส่วนหม้อลมเบรก ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่มีความสำคัญกับระบบความปลอดภัยของรถยนต์

ในปี พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท ไทย ออโต ทูลส์ มีรายได้รวมประมาณ 3,000 ล้านบาท ภายใต้ระบบบริหารจัดการผลิต “Just In Time” ที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพสูง การควบคุมการผลิตภายในที่เรียกว่า มาตรการ 5 พร้อม (5R) มีฐานการผลิต 4 แห่ง ในจังหวัดปทุมธานี และจังหวัดชลบุรี ได้รับการยอมรับถึงคุณภาพ มาตรฐาน เทคโนโลยีการผลิตที่ทัดเทียมกับฐานการผลิตของประเทศญี่ปุ่น

ปัจจุบันบริษัทได้ยกระดับฐานการผลิตให้เป็นสายการผลิตระบบอัตโนมัติแล้ว 50% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต คุณภาพ และลดต้นทุนการผลิต และคาดว่าภายใน 5 ปี จะเปลี่ยนเป็นระบบอัตโนมัติ 100% พร้อมมีแผนลงทุนติดตั้งเครื่องจักรทันสมัยเพื่อยกระดับการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพให้มีความแม่นยำมากขึ้นด้วย

จุดเด่นของบริษัทฯ คือ การสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ โดยมีการสร้างวัฒนธรรมการถ่ายทอดความรู้ที่เรียกว่า “Training for the Trainer” หรือ ระบบพี่สอนน้อง ทำให้มีทีมวิศวกรและทีมช่างเทคนิคที่เรียกว่าเป็นยอดฝีมือ มีความรู้ลึกรู้จริง ความชำนาญในการใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง เพื่อการออกแบบและสร้างเครื่องมือจำนวนมาก อีกจุดเด่นที่สำคัญ คือ มีองค์ความรู้ที่สั่งสมจากการได้รับการถ่ายทอดจากลูกค้าและเรียนรู้พัฒนา จนมีองค์ความรู้ในการออกแบบและผลิตเป็นของตนเอง

นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีทันสมัย สามารถให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร ทั้งการออกแบบ การสร้างแม่พิมพ์โลหะชนิดต่างๆ อุปกรณ์จับยึดเพื่อการประกอบ อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ ที่มีความยุ่งยากซับซ้อน การบำรุงรักษาแม่พิมพ์ที่ต้องใช้ทักษะขั้นสูง รวมถึงการผลิตชิ้นส่วน ที่มีความคล่องตัว ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้ โดยมีเครื่องปั้มขึ้นรูปชิ้นส่วนทั้งแบบ Manual และระบบอัตโนมัติ ตั้งแต่ขนาด 200-2,000 ตัน อีกทั้งสามารถผลิตชิ้นส่วนที่มีความพิถีพิถันสูง และมีโรงงานชุบเคลือบสี EDP พร้อมระบบตรวจสอบคุณภาพที่มีความแม่นยำได้มาตรฐานสูงเป็นของตนเองด้วย

“ในปีที่ 30 ที่บริษัทฯ ได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด อย่างสมบูรณ์แล้ว นับเป็นปีที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ ความพร้อม ในการนำอุตสาหกรรมผลิตแม่พิมพ์โลหะและอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย ให้ก้าวเติบโตไปอีกขั้น เพื่อขยายการยอมรับในระดับนานาชาติมากยิ่งขึ้น สำหรับการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมรถยนต์โลก ที่กำลังเกิดขึ้นสู่การผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนผ่านไปอย่างไร

เชื่อมั่นว่า ด้วยวิสัยทัศน์ของทีมผู้บริหาร ซึ่งได้ทำการวิจัยและพัฒนา พร้อมรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่จะมีการเปลี่ยนวัสดุมาใช้เหล็กทนแรงดึงสูงไว้เรียบร้อยแล้ว บริษัทฯจะสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ตลอดจนขยายฐานลูกค้าจากการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อนำธุรกิจให้เจริญเติบโตอย่างมั่นคง มีผลประกอบการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง”