คอลัมน์ : เทสต์คาร์ ผู้เขียน : วุฒิณี ทับทอง
หลังจากค่ายฮอนด้าเปิดตัวรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (New Honda City) เปิดตัวรุ่นปรับโฉมใหม่ไปเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
แถมครั้งนี้ฮอนด้ายังเพิ่มในส่วนของรุ่นเครื่องยนต์ “ไฮบริด” หรือที่ฮอนด้าเขาเรียกว่า e:HEV เข้ามาเสริมอีก 1 รุ่นย่อย เพื่อให้ผู้ที่สนใจอยากจะก้าวข้าม มาสู่พลังงานขับเคลื่อนแบบไฮบริด สามารถเข้าถึงรถรุ่นนี้ได้ง่ายขึ้น
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
จากก่อนหน้าจะมีเพียงรุ่นเดียว คือ City e:HEV รุ่น RS เท่านั้น
แต่วันนี้มี City e:HEV รุ่น SV เข้ามาเสริมให้แล้ว สำหรับคนที่กำลังจด ๆ จ้อง ๆ แถมเขาทำแกปราคาของรถรุ่นนี้ ต่างจาก City รุ่น RS เทอร์โบ (เครื่องยนต์) แค่ 20,000 บาทแล้ว ได้รถพลังงาน e:HEV มาใช้ ถือว่าน่าสนใจและคุ้มค่า
ก่อนอื่นเรามาดูความเปลี่ยนแปลงที่ฮอนด้าใส่เข้ามาให้ ฮอนด้า City e:HEV รุ่น SV แน่นอนว่า ระบบความปลอดภัย ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) นั้น เขาติดตั้งมาให้ในฮอนด้า ซิตี้ ทุกรุ่นย่อยอยู่แล้ว แต่สำหรับรุ่น e:HEV ฮอนด้าเพิ่มระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถคันหน้าที่ความเร็วต่ำ ACC with LSF มาให้แทนที่ระบบ ACC ปกติ และมีระบบ adaptive cruise control มาให้
โดย City e:HEV รุ่น SV จะไม่มีในส่วนของ Honda LaneWatch หรือกล้องมองมุมอับขณะเปิดไฟเลี้ยวซ้าย
ส่วนภายในห้องโดยสารนั้น ใช้สีทูโทน สีดำตัดกับสีแดง เบาะนั่งเป็นหนังแทนและหนังสังเคราะห์ ส่วนคอนโซลหน้าสี piano black รุ่นนี้มีการเพิ่มช่องปรับอากาศตอนหลังมาให้ รวมทั้งระบบเบรกมือไฟฟ้าและ auto brake hold มาให้ มีระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัยมาให้ (คล้าย ๆ แพดเดิลชิฟต์)
มาตรวัด พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ส่วนระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วแบบ advanced touch รองรับ Apple CarPlay(2) และ Android Auto(3) แบบไร้สาย
แม้จะไม่ได้ร่วมทริปขับประหยัดน้ำมัน กับทางฮอนด้าที่จัดไปก่อนหน้านี้ แต่ “ประชาชาติธุรกิจ” ตัดสินใจนำรถ City e:HEV รุ่น SV มาทดสอบ ในรูปแบบการใช้งานจริง เพื่อดูว่าประสิทธิภาพการขับขี่และอัตราสิ้นเปลื้อง ที่ฮอนด้าเคลมไว้ที่ 27.8 กม.ต่อลิตรนั้น หากใช้จริงเราจะทำได้แค่ไหน
ด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวเกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT และแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน ให้กำลังรวม 109 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตรนั้น สร้างความประทับใจ ให้มาแล้วก่อนหน้า ตั้งแต่ช่วงเปิดตัวรุ่น e:HEV รุ่น RS เมื่อปีก่อน
รับรถมา หน้าจอบอกว่า รถคันนี้มีระยะทางวิ่งได้ทั้งหมด 703 กม. ไม่รอช้าขับรถในรูปแบบการใช้งานจริง ทั้งวิ่งในเมืองของวันทำงาน เจอทั้งสภาพการจราจรติดขัด ความจอแจ บนถนนรามอินทรา รวมทั้งวิ่งเข้าไปย่านกลางเมือง อย่างสาทร-สีลมแล้ว
ถือว่าเจ้า City e:HEV รุ่น SV มีความคล่องตัวสูงสมกับเป็น “ซิตี้คาร์”
ส่วนช่วงสุดสัปดาห์ ขับออกนอกเมืองเลือกเส้นทาง กทม.-ชัยนาท-กทม. กำลังของเครื่องยนต์ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า บวกกับขนาดตัว และการเซตอัพพวงมาลัยและช่วงล่างนั้น บอกเลยว่ารถคันนี้ขับได้ประทับใจและสนุก โดยเฉพาะพละกำลังของเครื่องยนต์และมอเตอร์ตอบสนองได้ ยิ่งจังหวะการออกตัว หรือกดทำความเร็วได้ความรู้สึกคล้าย ๆ รถไฟฟ้าแรงเหลือ
ช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างเครื่องยนต์ไปสู่มอเตอร์เองนั้น ค่อนข้างเนียน วิ่งใช้ความเร็วเฉลี่ยราว ๆ 110-120 กม.ต่อ ชม.
เบ็ดเสร็จ ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับรถคันนี้ ปรากฏว่าวิ่งจริงไป 640 กว่า กม. กดดูระยะทางที่เหลือพอจะให้รถคันนี้วิ่งได้ กับปริมาณเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ สถานะแจ้งว่าอีกร่วม ๆ 130 กม.
หากคำนวณเอาหยาบ ๆ เท่ากับระยะทางที่รถคันนี้จะวิ่งได้ทั้งหมด มีเบียด 800 กม.ก็น่าจะเป็นได้
ถือว่ารถ City e:HEV รุ่น SV น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ยังไม่อยากขยับไปหารถอีวีแบบเต็มตัว
แถมฮอนด้าเขายังให้การรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบนาน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง กับราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 769,000 บาท
