“ลีนุตพงษ์” ผนึกพันธมิตรใหม่ ปลุกแบรนด์ AION สู้ศึกรถ EV

AION

“อภิชาติ ลีนุตพงษ์” เอไอโอนิค ออโต ยุบบริษัทขายรถอีวี Aion เปลี่ยนมือให้ “โกลด์ อินทิเกรท” บริษัทร่วมทุนในกลุ่ม Com7 แบกภาระต่อ ชี้ข้อตกลงกับบริษัทแม่เปลี่ยน แถมตลาดรถ EV แข่งขันสูง ลั่นได้พันธมิตรใหม่ขอทะยานขึ้นเบอร์หนึ่งขายมากกว่า 50% ปลื้มหั่นราคาช่วงมอเตอร์เอ็กซ์โปดันยอดขายกระฉูด

นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาริช โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท เอไอโอนิค ออโต จำกัด ในเครือชาริช โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นผู้นำเข้าเเละจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเเละนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก

และได้รับการเเต่งตั้งให้เป็นเมกะดีลเลอร์รถยนต์ไฟฟ้า AION (ไอออน) ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท โกลด์ อินทิเกรท ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในกลุ่ม Com7 เนื่องจากข้อตกลงกับทางบริษัทแม่ ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) มีการเปลี่ยนแปลง โดยตนเองจะมีตำแหน่งในโกลด์ อินทิเกรท เพียงแค่คณะผู้ถือหุ้น แต่จำนวนและสัดส่วนหุ้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้

เพิ่มเมกะดีลเลอร์เป็น 4 เจ้า

นายอภิชาติกล่าวอีกว่า จากเดิมที่เริ่มทำตลาด บริษัทแม่ระบุว่าจะแต่งตั้งเมกะดีลเลอร์ในประเทศไทย 2 รายคือ ของตนเอง ประกอบด้วย 1.เอไอโอนิค ออโต (เป็นการลงทุนส่วนตัว) และ 2.วี กรุ๊ป (V Group) แต่เอาเข้าจริงปรากฏว่ามีถึง 4 ราย 1.ไอโอนิค 2.วี กรุ๊ป 3.โกลด์ อินทิเกรท และ 4.ฮาโมนิก ซึ่งทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงเกินไป ประกอบกับตลาดรวมรถ EV ค่อนข้างรุ่นแรง มีรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนหลายแบรนด์เข้ามาในบ้านเราเป็นจำนวนมาก จึงตัดสินใจผันตัวเองไปร่วมมือกับโกลด์ อินทิเกรท โดยจะโอนโชว์รูมที่ดำเนินการแล้ว 5 แห่ง ได้แก่ โชว์รูมถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนราชพฤกษ์, ถนนพิบูลสงคราม, ถนนบรมราชชนนี ตรงข้ามเซ็นทรัลศาลายา และโชว์รูมมหาชัย ย่านโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย ให้กับโกลด์ อินทิเกรท

ท็อป 6 EV

“ล่าสุด ไอออนไทยแลนด์ยังได้แต่งตั้งนักลงทุนจากจีนมาช่วยขายในไทยอีกรายด้วย ตั้งโชว์รูมเรียบร้อยแล้ว 1 แห่ง เรื่องนี้เราในฐานะพันธมิตรก็คงต้องปรับตัวให้ทันกับการแข่งขัน ซึ่งเราก็มีการพูดคุยกันระดับหนึ่งก่อนที่จะได้ทางออกแบบนี้ รวมทั้งปัญหาการตั้งราคาขายเริ่มต้นที่ค่อนข้างสูงในภาวะที่ตลาดแข่งขันสูง ทำให้ต้องมาปรับลดลงภายหลัง ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นความผิดพลาดอย่างมาก”

ลั่นขึ้นเบอร์ 1

นายอภิชาติกล่าวอีกว่า หลังจากเอไอโอนิค ออโต รวมกับโกลด์ อินทิเกรท เรียบร้อย ก็มั่นใจว่าความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 กลุ่มจะทำให้สามารถขยับขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งทั้งการขายและบริการได้อย่างรวดเร็ว โดยเชื่อว่าจะมียอดขายมากกว่า 50% ของแบรนด์ Aion ทั้งหมด ซึ่งเรามีความได้เปรียบ อันดับแรกจะมีโชว์รูมมากถึง 17 แห่ง ในจำนวนนี้รวมเซอร์วิสด้วยถึง 3 แห่ง ได้แก่ บางแค, รองเมือง และเลียบด่วน ส่วนปีหน้าจะเพิ่มเซอร์วิสเป็นเท่าตัว

“ประเมินว่ายอดขายปีนี้เราน่าจะทะลุ 2,500 คัน ยอดนี้รวมแท็กซี่ของ EVme ซึ่งสิทธิการทำตลาดแท็กซี่เป็นของเราเจ้าเดียว เนื่องจากคุ้นเคยกับการทำตลาดนี้มาก่อน”

ส่วนแผนการตลาดนอกจากรถ EV ก็จะมีมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า SAMGO มาเพิ่มอีกแบรนด์ รวมถึงมีมินิทรักเข้ามาเสริมทัพ รวมถึงได้ยื่นเรื่องกับบีโอไอทำโรงงานแบตเตอรี่ โดยจะมีการลงทุน 500 ล้านบาท บนที่ดิน 22 ไร่ นิคมโรจนะฯ หนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี ซึ่งอยู่บนพื้นที่ EEC

“เรายังเตรียมความพร้อมเรื่อง EV eco system ล่าสุดยังได้จับมือกับ GAC Energy ทำสถานีชาร์จแบบฟาสต์ชาร์จลงทุนราว ๆ 200 ล้านหยวน เริ่มต้นจำนวน 12 ตู้ ทั้งแบบ 16 หัวจ่าย และ 8 หัวจ่าย วางเป้า 5 ปี 180 แห่ง”

ยกระดับความพึงพอใจ

นายหวัง หย่ง เจีย ประธานกรรมการ โกลด์ อินทิเกรท กล่าวถึงความร่วมมือดังกล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างกระบวนการควบรวมกิจการ และทั้งสองบริษัทมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายเดียวกันที่จะปรับรูปแบบทางธุรกิจให้สอดคล้องกันในด้านการบริหารงาน บริษัทยังได้แต่งตั้งนายบุรินทร์ โอภาสเศรษฐกุล ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นผู้บริหารกิจการทั้งหมด

“เชื่อว่าภายหลังการควบรวมกิจการ เครือข่ายการขายและศูนย์บริการภายใต้โกลด์ อินทิเกรท และเอไอโอนิค ออโต จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทั้งด้านการขายและบริการหลังการขาย เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าด้วยการยกระดับ และให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพมาตรฐานการบริการให้ครบวงจรเต็มรูปแบบ โดยมีทีมงานระดับมืออาชีพที่มีความรู้และความชำนาญ ทั้งช่างเทคนิค รวมถึงเครื่องมือ อุปกรณ์ เทคโนโลยีทันสมัย ที่สามารถบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เพื่อนำไปสู่ความพึงพอใจสูงสุด และทำให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าไอออนมั่นใจได้ว่าจะได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจตลอดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าไอออนของลูกค้าทุกท่าน

ส่งอีก 2 รุ่นใหม่ปีหน้า

นายหม่า ไห่หยาง กรรมการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด (AION) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงการรุกตลาดอย่างต่อเนื่องว่าในปี 2567 GAC AION มีแผนจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดในไทยอีกอย่างน้อย 2 รุ่น แต่จะเป็นรุ่นใดขออุบไว้ก่อน ส่วนความคืบหน้าของการลงทุนผลิต ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ และคาดว่าจะเเล้วเสร็จพร้อมผลิตได้ในเดือนกันยายน 2567 โดยโรงงานแห่งนี้ใช้วิธีเช่าโรงงานซึ่งอยู่ในเขต EEC ปรับปรุงพื้นที่และได้ทยอยนำเข้าอุปกรณ์สำหรับผลิตรถยนต์ ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาเพื่อรองรับตลาดในประเทศไทยและส่งออก

“ตอนนี้เรายังไม่ได้เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนอีวี คาดว่าน่าจะดำเนินการได้เร็ว ๆ นี้ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทจะดูแลส่วนต่างราคาให้กับลูกค้าก่อนราว ๆ 1 แสนบาท”

สำหรับยอดขาย AION ในช่วงที่ผ่านมานั้น มียอดส่งมอบไปแล้ว 500-600 คัน ปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรถยนต์ GAC AION ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 2,500-3,000 คัน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทยอยส่งมอบได้ภายในปีนี้ โดยเฉพาะในงานมหกรรมมอเตอร์เอ็กซ์โป GAC AION ตั้งเป้าว่าจะมียอดจองไม่น้อยกว่า 1,500 คัน ตอนนี้ถือว่าเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้มาก ขณะที่เครือข่ายการจัดจำหน่ายมีเปิดไปแล้ว 10 แห่ง และจะเพิ่มเป็น 20 แห่งภายในสิ้นปี 2566 ส่วนปีหน้าจะมีโชว์รูมและศูนย์บริการทั้งสิ้น 50-60 แห่งทั่วประเทศ

สำหรับการเข้ามาทำตลาดกลุ่มประเทศอาเซียน สำหรับการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายจะมีดิสทริบิวเตอร์ หรือเมกะดีลเลอร์ 7 รายดูภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ 99 เมียนมา ดูแลเมียนมา, Harmony Group ดูแลเวียดนาม, EV HUB ดูแลสิงคโปร์ ส่วนในประเทศไทยจะมี 4 ราย ได้แก่ Jinhui ซึ่งเป็นกลุ่มทุนไทย-จีน, AIONIC ในเครือชาริชโฮลดิ้ง ซึ่งมีนายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ เป็นผู้ดูแล, วี กรุ๊ป (V Group) และ Harmony Group กลุ่มทุนไทย-จีน ก่อนหน้าที่เริ่มประกาศตัวทำตลาดชัดเจน และประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 เดือน 9 โดยมีรถ EV ทำตลาดคือ Aion Y Plus

โดยตั้งราคาขายช่วงแรกสูงกว่าล้านบาท และค่อย ๆ ปรับลดมาจนล่าสุดในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2023 ได้เปิดตัว AION Y Plus Premium ได้เพียงวันเดียว วันรุ่งขึ้นผู้บริหารได้ประกาศดัมพ์ราคาขายจากเดิมลงอีก 1 แสนบาททันที เพื่อให้แข่งขันได้ง่ายขึ้น จากเดิม 1,099,900 บาท เหลือ 999,000 บาท ขณะที่รุ่น Elite ปรับราคาลดลง 70,000 บาท เดิม 969,000 บาท เหลือ 899,000 บาท

อีวี เกทับสันดาป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในงานมอเตอร์โชว์ ช่วงครึ่งทางแรกปรากฏว่าความร้อนแรงของรถ EV กลบรัศมีรถสันดาปได้อยู่หมัด โดยมีไฮไลต์แบรนด์น้องใหม่ “Deepal” จากฉางอาน และแบรนด์ Aion จากค่าย GAC รวมถึงการดัมพ์ราคาของแบรนด์เดิม ทั้ง BYD, ORA และ MG ซึ่งประเมินกันว่าปีนี้สัดส่วนการขายรถ EV น่าจะขยับขึ้นมาได้สูงถึง 15% ของยอดจองรถทั้งงาน โดยตัวเลขยอดจอง 7 วันแรก (29 พ.ย.-5 ธ.ค. 2566) มียอดขายรถยนต์ทั้งสิ้น 22,461 คัน แบรนด์รถ EV ติดอันดับรถขายดีติดท็อป 10 ถึง 6 แบรนด์ ประกอบด้วย BYD 2,627 คัน, MG 1,577 คัน และเกรท วอลล์ฯ 1,544 คัน, ฉางอาน 1,509 คัน, Aion 1,127 คัน, Neta 791 คัน