“ฮอนด้ามะลิวัลย์” แตกไลน์ลุยฟาสต์ฟิตปูพรมทั่วปท.

ฮอนด้า มะลิวัลย์ ต่อยอดธุรกิจบุกฟาสต์ฟิต ปั้นแบรนด์ใหม่ “ออโตคลิก บาย เอซีจี” เทงบฯ 40 ล้าน ผุด 5 สาขาก่อนปักหมุดทั่วประเทศ เผยธุรกิจดีลเลอร์ขายรถยนต์ยังรุ่ง เชื่อทั้งปีโต 10%

นายภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง (ACG) บริษัทแม่ฮอนด้ามะลิวัลย์ เปิดเผยว่าบริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ บริษัท ออโตคลิก บาย เอซีจี จำกัด (Autoclik By ACG Co., Ltd.) เพื่อประกอบธุรกิจการจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ และการให้บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อหรือฟาสต์ฟิต ภายใต้ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท

โดยคาดว่าจะเริ่มมีความชัดเจนได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ เบื้องต้นมีแผนใช้เงินลงทุนประมาณ 30-40 ล้านบาทเพื่อใช้นำร่องขยายสาขา 5 แห่งแรกใน จ.ภูเก็ต ประเมินระยะเวลาคืนทุนประมาณ3 ปี และคาดว่าในระยะยาวมีเป้าหมายขยายไปครอบคลุมทั่วประเทศ และเมื่อธุรกิจใหม่มีจำนวนสาขาที่มากขึ้น ต้นทุนการบริหารจัดการต่ำลง ถือเป็นหนึ่งตัวแปรสำคัญที่จะช่วยผลักดันศักยภาพทำกำไรบริษัทให้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน

ส่วนความคืบหน้าด้านการลงทุน ในปีนี้ที่บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีกจำนวน 2 แห่ง ซึ่งมีในพื้นที่ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 1 แห่งส่วนอีกแห่งบริษัทเตรียมเปิดเพิ่มในพื้นที่ที่น่าสนใจ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังทั่วภูมิภาคของประเทศไทย ปัจจุบันมีอยู่แล้ว 10 แห่ง

ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมการขยายสาขาใหม่ที่จังหวัดภูเก็ตเป็นแห่งที่ 3 หลังจากการเปิดสาขาไปแล้ว 2 แห่ง ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเข้าใช้บริการเป็นอย่างดี เพื่อเป็นการปูพื้นฐานไปสู่เป้าหมายระยะยาวที่มีแผนเปิดสาขาให้ครบ 15 แห่ง ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคในประเทศภายในปี 2565

“ทุกวันนี้ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์มีข้อจำกัดเรื่องฐานลูกค้าที่ถูกจำกัดแค่ยี่ห้อฮอนด้าเท่านั้น ซึ่งมองเป็นจุดอ่อนทางธุรกิจ แต่เมื่อเราเริ่มธุรกิจฟาสต์ฟิตซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ จะลบจุดอ่อนของเราทันที ตามมาด้วยการเพิ่มขนาดฐานลูกค้ากว้างขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเมื่อขยายซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อ มีโอกาสผลักดันการเติบโตของผลประกอบการของทั้งกลุ่มที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว”

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยในระยะสั้นอาจสร้างผลกระทบกับยอดขายรถยนต์ของฮอนด้าบ้าง โดยเฉพาะสาขาตามหัวเมืองใหญ่ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยว แต่ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีรายได้จากการเข้าซ่อมบำรุงซึ่งเป็นไปตามเวลาที่กำหนด

ทั้งนี้ เชื่อว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน หากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สามารถคลี่คลายได้โดยเร็ว