
คอลัมน์ : Market-think ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์
“เศรษฐศาสตร์” มีชีวิต
ไม่ได้มีแต่ “ตัวเลข”
เราต้องมี “หัวใจ”
และคิดถึง “ลมหายใจคนอื่นด้วย”
นักเศรษฐศาสตร์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยบอกผมเมื่อหลายปีก่อน
ผมคิดถึงประโยคนี้เมื่อเห็นตัวเลขการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของคณะกรรมการไตรภาคี
เขาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้แรงงานไทย 2-16 บาท
มีการอ้างตัวเลขที่ใช้คำนวณมากมาย เพื่อที่จะยืนยันว่านี่คือ อัตราค่าแรงขั้นต่ำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเมืองไทย
…เปลี่ยนแปลงไม่ได้
คณะรัฐมนตรีมีหน้าที่เพียงแค่ “รับทราบ” เท่านั้น
ขนาด คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ออกมาคัดค้านอย่างเต็มตัว
แต่บอร์ดค่าแรงขั้นต่ำก็ไม่สนใจ
ประชุมใหม่อีกครั้ง แต่ก็ยังยืนยันแบบเดิม
“การปรับค่าจ้างเป็นหน้าที่ของบอร์ดค่าจ้างไตรภาคี
ถ้าเคาะแล้วไม่เห็นด้วยตามมติก็ไปยกเลิกกฎหมายคุ้มครองแรงงาน มาตรา 87 แล้วไปแก้ให้การปรับค่าจ้างอยู่ในอำนาจของนายกฯไปเลย
กลับไปสู่ยุคของไดโนเสาร์อีกครั้ง”
เป็นคำให้สัมภาษณ์ของกรรมการฝ่ายนายจ้างคนหนึ่ง
ท้าทาย คุณเศรษฐา ทวีสิน แบบตรง ๆ
คณะกรรมการไตรภาคีบอกว่า อัตราค่าแรงขั้นต่ำปี 2567 เฉลี่ยทั่วประเทศ คือ 345 บาท
ค่าแรงที่ปรับใหม่สูงที่สุด คือ ภูเก็ต 370 บาท
ต่ำที่สุด คือ 3 จังหวัดชายแดนใต้330 บาท
กทม. 363 บาท
วิธีคิดเรื่องนี้ง่าย ๆ ก็คือ เมื่อปี 2556 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท
หลังจากถูกรัฐประหาร ค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้ขึ้นมา 4 ปี ก่อนจะขึ้นเป็น 310 บาท บางพื้นที่
จากนั้นค่อยขยับขึ้นทีละนิด-ทีละนิด
ถ้าอัตราค่าแรงขั้นต่ำในวันที่ 1 มกราคม 2567 เพิ่มขึ้นตามที่คณะกรรมการไตรภาคีประกาศ
ก็หมายความว่าตั้งแต่ปี 2556 จนถึง 2567
ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ขยับขึ้นมาเพียง 45 บาท
หรือ 15%
11 ปี ขึ้นมา 15%
เฉลี่ยปีละ 1.4%
ลองใช้ “หัวใจ” คิด และมองตัวเลขค่าแรงให้ทะลุถึงลมหายใจผู้ใช้แรงงาน
คิดแบบเขาเป็นเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง
ไม่ต้องใช้ตัวเลขหรือสูตรคำนวณอะไรเลย
ถามใจตัวเองว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่ขึ้นมานี้เหมาะสมกับค่าครองชีพที่พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดหรือไม่
เมื่อปี 2556 ก๋วยเตี๋ยวจากชามละ 25 บาท ขึ้นเป็น 50 บาท ใน พ.ศ.นี้แล้ว
ค่าเดินทาง ค่าเช่าบ้าน ฯลฯ 11 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเท่าไร
แต่รายได้ของผู้ใช้แรงงานเพิ่มขึ้นแค่ 15%
คิดในมุมไหนก็ไม่เป็นธรรม
ไม่ต้องถึง 400 บาทในปีแรก ตามที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้
แต่ต้องไม่ใช่ขึ้นแค่ 2-16 บาทแบบนี้
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ น่าจะทำให้สังคมไทยได้ตระหนักเสียทีว่า ปัญหาของเมืองไทยเป็นเรื่องระดับ “โครงสร้าง” จริง ๆ
จบจากการขึ้นค่าแรงปีนี้ อาจถึงเวลาที่ต้องรื้อกฎหมาย แก้วิธีการคัดเลือกตัวแทนฝ่ายนายจ้าง-ลูกจ้างใหม่
เอาคนที่มี “หัวใจ” เข้ามาบ้าง
ถ้ากรรมการฝ่ายลูกจ้างทุกคนเห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง 2-16 บาท แสดงว่าระบบการคัดเลือกกรรมการมีปัญหาแล้ว
มันเป็นไปได้อย่างไร
ผิดธรรมชาติของการเป็นตัวแทนลูกจ้างมาก
เช่นเดียวกับตัวแทนภาครัฐที่ไม่ยึดโยงกับแนวทางของรัฐบาล
ถ้าการแทรกแซงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลครั้งนี้ถูกกล่าวหาว่า เหมือนกับย้อนเวลากลับไปสู่ยุค “ไดโนเสาร์”
อย่างน้อย รัฐบาลชุดนี้ก็เป็น “ไดโนเสาร์” ที่กินพืช
ไม่เหมือนคณะกรรมการไตรภาคีบางคน
ที่เป็น “ไดโนเสาร์” ที่กินเนื้อคน
ทั้งย้อนยุค
และไม่มี “หัวใจ”