Market-think สรกล อดุลยานนท์
นับจากวันนี้เป็นต้นไป ศึกชิง “วัคซีน” จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
จับตามองให้ดีครับ
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- บริษัทดัง ประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
- แจกเงินดิจิทัล 10,000 ลุ้นซื้อไอโฟน-เครื่องใช้ไฟฟ้า “จุลพันธ์” นัดถกหาข้อสรุป
เรื่องรณรงค์ให้คนฉีดวัคซีน เพราะมีคนส่วนหนึ่งกลัวผลข้างเคียง หรือต้องการเลือกวัคซีนที่ดีกว่าที่มีอยู่
ผมว่าเรื่องคนไม่อยากฉีด ในช่วงนี้ไม่น่าวิตกอะไรนัก
เพราะมีคนจำนวนมากที่อยากฉีดวัคซีน
การรณรงค์แบบไม่เป็นธรรมชาติกลับส่งผลเสียมากกว่า
เพราะคนจะรู้สึกว่าวัคซีนมีเยอะ ให้รีบไปฉีดกันเถอะ
ทั้งที่ปริมาณวัคซีนยังไม่เพียงพอกับความต้องการของคนอยากฉีด
อย่าลืมว่า เรามี “วัคซีน” ที่อยู่ในมือน้อยมาก
มีแต่ “วัคซีน” ที่รัฐบาลจองไว้และรอการผลิต
ไม่ถึงขั้น “วัคซีนทิพย์”
แต่ของอะไรที่ยังไม่อยู่ในมือ ถือว่ายังไม่ใช่ของเรา
และที่สำคัญเป้าหมายการฉีดวัคซีนทั้งหมดที่รัฐบาลกำหนดมานั้น พึ่งพิงวัคซีน “แอสตร้าเซนเนก้า” จากโรงงานสยามไบโอไซเอนซ์เป็นหลัก
โรงงานนี้เพิ่งผลิตวัคซีนเป็นครั้งแรก
ใครที่ทำโรงงานจะรู้ว่าถ้าติดตั้งเครื่องใหม่ ๆ การผลิตช่วงแรก ๆ ทั้งเครื่องจักรและระบบต่าง ๆ มีโอกาสที่จะยังไม่ลงตัว
อาจต้องรอพักหนึ่งจึงจะได้กำลังการผลิตเท่าที่ต้องการ
นั่นคือ “ความเสี่ยง” ในมุมของวิศวกรโรงงาน
ซึ่งอาจจะไม่จริงก็ได้
เมื่อ “วัคซีน” ในมือยังไม่มี
แต่กำหนดเป้าหมายไปแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขต กทม.ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำหนดเป้าหมายว่าจะฉีดให้ได้ 5 ล้านคนภายในเดือนกรกฎาคม
หรืออีก 2 เดือนนิด ๆ
เป็นเป้าหมายที่ท้าทายมาก
คนเป็น “ผู้นำ” ต้องกล้าปักธงแบบนี้
ชาวบ้านจะได้รู้ชะตากรรมของตัวเอง
วัดกันไปเลยว่ามีฝีมือหรือไม่มีฝีมือ
ประเด็นที่น่าสนใจตอนนี้ก็คือ เมื่อ “วัคซีน” มีความต้องการสูง
ใคร ๆ ก็อยากฉีดวัคซีน
โดยเฉพาะคนทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่หรือพ่อค้าแม่ค้าตลาดนัด
เพราะถ้าฉีดวัคซีนแล้ว เขาจะทำมาหากินได้อย่างสบายใจมากขึ้น
ดังนั้น กระแสการแย่งชิง “วัคซีน” จึงเกิดขึ้น
กลายเป็นว่าใครมี “วัคซีน” คนนั้นมี “อำนาจ”
ในมุมของนักการเมือง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่
ถ้าใครช่วยชาวบ้านให้ได้ฉีดวัคซีนก่อน
คนนั้นได้คะแนน
อย่าแปลกใจที่ตอนนี้ทุกพรรค ทุกกระทรวงจะแย่งชิง “วัคซีน” กันอย่างหนัก
แทนที่รัฐบาลจะเป็นหนึ่งเดียว
แต่กลายเป็นว่าทุกกระทรวงพยายามคิดโครงการขึ้นมาเพื่อดึง “วัคซีน” มาอยู่ในโควตาของตัวเอง
ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นก็มาจากสาเหตุนี้เอง
แต่ในมุมของคนทำธุรกิจ ตอนนี้เขาไม่สนใจว่าเกมการเมืองจะเป็นอย่างไร
สนใจอย่างเดียวว่าจะหาทางให้พนักงานของตัวเองได้ฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดอย่างไร
มีน้องคนหนึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม
เขาอยากให้พนักงานทุกคนได้ฉีดวัคซีน
เมื่อรอระบบปกติไม่ได้
เขาก็หา “ช่องว่าง” ในช่วงเวลาที่สับสน
รู้ไหมครับว่าเขาทำอย่างไร
ตอนที่เกิดเหตุระบาดตามคลัสเตอร์ต่าง ๆ เช่น คลองเตย ฯลฯ
กทม.จะเปิดจุดฉีดวัคซีนให้กับคนในพื้นที่
แต่ก็มีบางคนได้บัตรคิวแล้วไม่ไป
ปัญหาก็คือ วัคซีนที่เอาออกมาแล้วต้องฉีดให้หมดภายในวันนั้น
เมื่อวัคซีนเหลือ ใครที่ไปต่อคิวรอก็จะได้สิทธินั้นทันที
เจ้าของโรงแรมคนนี้เขาให้พนักงานไปต่อคิวเลยครับ
เพราะตอนนี้มีพนักงานส่วนหนึ่งต้อง work from home อยู่แล้ว
เงินเดือนก็ได้บางส่วน ไม่ได้เต็มเดือน
เขาให้กลุ่มนี้ไปต่อคิวตั้งแต่เช้ามืดเลย
ใครฉีดได้ กลับมาทำงานได้
และได้เงินเดือนเต็ม
เป็นแรงจูงใจในการต่อคิว
ตอนนี้พนักงานของเขาฉีดวัคซีนครบแล้ว
เป็นสงครามแย่งชิงวัคซีนแบบสงคราม “กองโจร” ครับ