ศิลปะ “ความว่าง”

บทความ โดย หนุ่มเมืองจันท์
Market-think
สรกล อดุลยานนท์

 

มีคนเคยบอกว่าระหว่าง “อัจฉริยะ” กับ “คนบ้า” มีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่

เช่นเดียวกับ “ศิลปิน”

เมื่อวันก่อนมีข่าวในแวดวงศิลปินเรื่องหนึ่ง

เป็นเรื่องของ “เยนส์ โฮนิง” ศิลปินชาวเดนมาร์กส่งรูปภาพให้กับพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ kunsten ในเมืองอัลบอร์ก ประเทศเดนมาร์ก เพื่อจัดแสดงในนิทรรศการ “Work It Out” ที่สะท้อนความสัมพันธ์ของคนกับงาน

ภาพนั้นเป็นกระดาษเปล่าในกรอบไม้

ไม่มีสีอะไรเลยในกระดาษแผ่นนั้น

เขาตั้งชื่องานว่า Take the money and run

…รับเงินแล้ววิ่งหนี

ถ้า “โฮนิง” ไม่เล่าที่มาของภาพ คนก็คงจะงง ๆ กับความว่างเปล่าของรูปนี้

ภาพนี้เกิดจากทางพิพิธภัณฑ์ต้องการให้ “โฮนิง” ทำงานต่อยอดจากงานเก่าของเขาที่ยังไม่เสร็จ โดยยอมให้ยืมเงิน 2.8 ล้านบาท

แต่ต้องคืนเงินก้อนนี้หลังจบงาน

ส่วน “โฮนิง” จะได้ค่าภาพ 230,000 บาท และเงินส่วนแบ่งจากการเข้าชม

“โฮนิง” บอกว่าไม่เห็นด้วยกับการต่อยอดงานเก่าเมื่อ 10 ปีก่อน และไม่พอใจกับผลตอบแทนที่พิพิธภัณฑ์ให้กับศิลปิน

เขาจึงเสนอว่าจะสร้างงานชิ้นใหม่ให้

แล้วบอกชื่อภาพมาก่อนเลย

เมื่อส่งภาพความว่างเปล่านี้ให้พิพิธภัณฑ์ เขาก็อธิบายว่ามันเป็นการทำผิดสัญญา และการผิดสัญญาเป็นส่วนหนึ่งของงาน

เท่ไหมครับ

“งานศิลปะชิ้นนี้คือการที่ผมเอาเงินของพวกเขาไป”

Take the money and run

ก่อนหน้านั้นงานศิลปะที่สร้างชื่อให้กับ “เยนส์ โฮนิง” คือการนำพันธบัตรยูโรมาใส่กรอบ 2 กรอบ

กรอบหนึ่ง ใหญ่

กรอบหนึ่ง เล็ก

เพื่อสะท้อนความแตกต่างของรายได้ต่อปีของคนเดนมาร์กกับออสเตรีย

ความคิดของศิลปินว่าล้ำแล้ว

แต่ผู้จัดการพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ล้ำกว่า

“แลสเซ อานเดอร์สัน” ผู้จัดการพิพิธภัณฑ์ Kunsten บอกว่า แม้งานของ “โฮนิง” จะไม่ใช่งานที่ตกลงกัน

“แต่เป็นงานศิลปะชิ้นใหม่ที่น่าสนใจมาก”

ครับ “ติสต์” ย่อมเข้าใจใน “ติสต์”

เขายังตีความต่อด้วยว่า งานแรกของ “โฮนิง” ที่นำพันธบัตรยูโรมาใส่กรอบ คือการเปลี่ยนเงินให้เป็นศิลปะ

แต่งานชิ้นใหม่ของ “โฮนิง” เป็นการเตือนทุกคนว่าเราทำงานเพื่อเงิน

และเกิดการถกเถียงว่าผลงานของศิลปินควรจะให้คุณค่าอย่างไร

555 สมแล้วที่เป็นผู้จัดการพิพิธภัณฑ์งานศิลปะ

เพราะตำแหน่งนี้นอกเหนือจากเข้าใจในงานศิลปะแล้ว “อานเดอร์สัน” ยังมีความเข้าใจเรื่องธุรกิจดีมาก

เพราะเขาบอกกับ “โฮนิง” ชัดเจนว่าเงินที่ยืมไปต้องคืน

ถ้าไม่คืนภายในเดือนมกราคมปีหน้า

โดนฟ้องแน่

งานชิ้นนี้จัดแสดงอยู่ที่เดนมาร์กจนถึงวันที่ 22 มกราคมปีหน้า

คาดว่าถ้านิทรรศการสิ้นสุดแล้ว “โฮนิง” ยังไม่คืนเงิน

คงมีงานศิลปะแบบ “แฮปเพนนิ่งอาร์ต” เกิดขึ้น

ชื่อว่า “ถ้าหนีเจอฟ้อง”

ผมอ่านข่าวนี้แล้วสรุปได้ 2 เรื่อง

เรื่องแรก งานแบบนี้ไม่ใช่ทุกคนทำได้

ถ้าไม่ใช่ศิลปินใหญ่อย่าหาทำเด็ดขาด

เพราะเขาจะตีความว่าตั้งใจโกง

แต่พอศิลปินใหญ่ทำ

คนจะบอกว่า “เท่”

เรื่องที่สอง งานศิลปะของ “โฮนิง” ทั้ง 2 ชิ้น เหมาะมากสำหรับเมืองไทย

เพราะสะท้อนสังคมไทยในวันนี้อย่างชัดเจน

ภาพแรก แค่เปลี่ยนจากพันธบัตรยูโรเป็น “แบงก์พัน” กับ “แบงก์ยี่สิบ” ในกรอบรูปที่แตกต่างกัน

ก็สะท้อน “ความเหลื่อมล้ำ” ในสังคมไทยได้เป็นอย่างดี

หรือกรอบที่เป็นแบงก์ยี่สิบ เปลี่ยนเป็นกระดาษที่ว่างเปล่า

จะยิ่งชัดยิ่งกว่าชัด

ชัดว่าคนมีก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่คนไม่มีก็ไม่มีจริง ๆ

หรือภาพที่สองของ “โฮนิง” ก็เช่นกัน

Take the money and run

ตอนนี้เมืองไทยมีเรื่องแบบนี้เยอะครับ

หลอกขายไอโฟนแล้วหนี

หรือแชร์ลูกโซ่ที่ล้มไปแล้วหลายกอง

แสดงว่าเมืองไทยเป็นเมืองศิลปะ

“ศิลปิน” แบบ “เยนส์ โฮนิง” เต็มไปหมด

และเหนือชั้นกว่าตรงที่เขาจะส่งงานเป็น “ความว่างเปล่า”

ไม่มี “กระดาษ”

และไม่มี “กรอบ”

เพื่อจะบอกว่า “ไม่มี” คือไม่มีจริง ๆ

เป็นปรัชญาน้ำตาไหลครับ