สุพัฒนพงษ์ แจง พ.ร.ก.ค้ำประกันเงินกู้ 1.5 แสนล้าน กู้ระยะยาว-ใช้คืนน้อย

สุพัฒนพงษ์ แจง ชง วาระลับ พ.ร.ก.ค้ำประกันชำระหนี้เงินกู้ 1.5 แสนล้าน เพิ่มเครดิตกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กู้ได้ยาวขึ้น-ทยอยคืนแต่ละปีน้อยลง แบ่งรับแบ่งสู้ เป็นภาระภาษีประชาชน-คนใช้คืนคือผู้ใช้น้ำมันดีเซล แย้ม ล้างหนี้กองทุนน้ำมันฯ ติดลบแสนล้าน ยังไม่พับแผนรีดกำไร 6 โรงกลั่น เมินกระแสข่าวเขย่าเก้าอี้ รมว.พลังงาน ก้มหน้าทำงานต่อ       

วันที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. …. และการกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง วงเงินไม่เกิน 1.5 แสนล้านบาท ว่า เป็นเรื่องของการแก้ปัญหาการดูแลเสถียรภาพของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผ่านมา

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงพลังงาน ซึ่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีเงินติดลบอยู่ประมาณหลายหมื่นล้านบาท แต่สามารถออกเงินกู้และต่างสารหนี้ได้ โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันให้ แต่เมื่อกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 ซึ่งไม่ให้อำนาจกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันได้ จึงเกิดเป็นอุปสรรค

“เรามีการหารือกับกระทรวงการคลังมานาน ตั้งคณะอนุกรรมการการเงิน โดยมีกระทรวงการคลังเป็นประธาน ผู้แทนก็หาวิธีการต่าง ๆ พยายามหาทางเลือกก็นำเสนอรายงาน ครม.เมื่อวานนี้ (16 ส.ค. 65) เพื่อพิจารณาแนวทาง ขั้นตอนหลังจากนี้เป็นหน้าที่ของกฤษฎีกาจะพิจารณาในรายละเอียด” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อกฤษฎีกาตรวจสอบร่าง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงคลังค้ำประกันฯแล้ว และประกาศในราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถกู้เงินได้เลยใช่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ถ้าเป็น พ.ร.ก.มีผลทันที เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ต้องส่งให้รัฐสภา พิจารณาทั้งสองสภา คือ สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และวุฒิสภา (ส.ว.)

“เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วน กำลังจะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวอีกแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ฤดูหนาวในต่างประเทศอาจจะมีผลพวงต่อราคาพลังงานเข้ามาอีก เพราะฉะนั้นเพื่อให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดำเนินตามบทบาทหน้าที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนก็จะต้องเร่งดำเนินการเรื่องนี้ เพราะล่าช้ามาพอสมควรแล้ว เราหาทุกวิถีทางแล้วในการสร้างสภาพคล่องเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

เมื่อถามว่า กรอบวงเงินกู้ 1.5 แสนล้านบาทจะกู้เต็มเพดานหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า เป็นรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ ยังเป็นความลับอยู่ อย่างไรก็ดี ไม่ใช่เป็นการกู้ทีเดียว ต้องทยอย ๆ ตามความจำเป็น และต้องไม่เกินกรอบเพดานวินัยการเงินการคลังที่ 70% ด้วย

เมื่อถามว่าตัวเลขกรอบวงเงินกู้ 1.5 แสนล้านบาทมาจากไหน คิดจากฐานอะไร นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ตัวเลขมาจากการคำนวณของกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นตัวเลขที่เหมาะสมและอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง

เมื่อถามว่าจะกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศหรือต่างประเทศ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ได้ทั้งนั้น หลักการ คือ เอาเร็ว เอาคล่องตัว มีวงเงินไว้หยิบใช้สอยตามจำเป็น ไม่ใช่นึกอยากจะใช้ก็ใช้

เมื่อถามว่า วงเงินกู้ 1.5 แสนล้านบาทจะเอาไปใช้หนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ติดลบอยู่ 1 แสนกว่าล้านบาทด้วยหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ยังเป็นความลับอยู่ แต่ก็ต้องครอบคลุมทั้งหมด

เมื่อถามว่า การกู้เงินเพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 35 บาทต่อไปใช่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของหนี้เดิมของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังชอร์ตอยู่แสนกว่าล้านบาท

เมื่อถามว่ามีแนวโน้มที่ราคาน้ำมันดีเซลจะขึ้นเกิน 35 บาทต่อลิตรหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ อย่างไรก็ดีวันนี้ราคาน้ำมันดิบโลกอ่อนตัวลง แต่เราต้องไม่ประมาทจริง ๆ เพราะสถานการณ์เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวอะไรก็เกิดขึ้นได้ ความต้องการอาจจะสูงมากขึ้น บรรยากาศสงครามเปลี่ยนแปลงทุกวัน รวมทั้งการซ้อมรบของจีน ดังนั้นปัญหา Geopolitics ก็มีผล

“ประเทศเราจึงต้องมีความยืดหยุ่น เตรียมพร้อมในทุกเรื่องที่จะดูแลประชาชน รักษาเสถียรภาพให้ได้ ตอนนี้พยายามทำให้ดีที่สุด และยังยืนยันว่า การกู้เงินยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง กระทรวงการคลังไม่ได้อึดอัดอะไร เพราะเป็นคนคำนวณเอง อยากให้ประชาชนสบายใจ” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องของการก่อหนี้ใหม่ เป็นเรื่องของการเข้าไปแก้ปัญหาสิทธิที่เคยได้ตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลังเดิมที่เคยสามารถค้ำประกันเงินกู้ให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ จึงไม่สามารถไปกู้เงินได้

“ไม่ว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะกู้เงินโดยออก พ.ร.ก. หรือกู้เงินเอง หนี้ที่เกิดขึ้นก็เป็นหนี้สาธารณะ ยังไงก็ไปซ่อน ไปหลบไม่ได้ ถูกคำนวณไว้เป็นหนี้สาธารณะ” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

เมื่อถามว่า ทำไมเลือกวิธีออก พ.ร.ก.ไม่เลือกการเก็บภาษีลาภลอย นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ภาษีลาภลอยมันต้องใช้เวลา และไม่ใช่เรื่องง่าย หลายประเทศมีเรื่องภาษีลาภลอย แต่พอต้องทำจริง ๆ สุดท้ายก็ยังไม่ได้เริ่ม

“วันนี้ถ้าไม่ทำอะไร ราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 40 บาท ก็จะกระทบต่อค่าครองชีพโดยรวม การออก พ.ร.ก.ค้ำประกันการชำระหนี้ให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะเป็นภาระภาษีประชาชนก็ไม่เชิง เพราะคนที่จะต้องจ่ายต่อคือคนที่อยู่ในราคาน้ำมันดีเซลอยู่ดี เพียงแต่การที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้รับความเชื่อถือจากสถาบันการเงินก็สามารถกู้ได้ยาวขึ้น การเกลี่ยที่จะเป็นภาระในการจะทยอยคืนแต่ละปีก็จะน้อยลง เป็นจำนวนเงินไม่เยอะมากนักที่จะเป็นภาระของประชาชนในอนาคต” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

เมื่อถามว่า ตอนนี้ยังหารือกับ 6 โรงกลั่นเพื่อขอความร่วมมือนำเงินส่วนต่างกำไรค่าการกลั่นเข้ากองทุนน้ำมันฯอยู่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ยังคุยอยู่ แต่วันนี้ค่าการกลั่นเหลือ 2 บาทกว่าแล้ว ถ้าเกิดค่าการกลั่นยังสูง 5-6 บาทติดต่อกันอย่างต่อเนื่องก็ต้องคุยต่อ

เมื่อถามว่า พูดได้ว่าพับแผนคุยกับ 6 โรงกลั่นไปแล้วในขณะนี้ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ถ้ามีโอกาสก็คุยต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ค่าการกลั่น 2 บาทกว่า

เมื่อถามว่า เรียกว่ายุติชั่วคราว นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ไปคุย โรงกลั่นคงไม่คุยด้วย ขอความร่วมมือ วันนี้เขาก็คงบอกว่า 2 บาทกว่าแล้วจะทำอย่างไร

เมื่อถามว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติขึ้นค่า Ft ไฟฟ้าและมีผลในเดือนกันยายนจะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างไรบ้าง นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ต้องดูแลกลุ่มเปราะบาง ให้ กกพ.ได้คิดต่อว่า จะมีมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางอย่างไร สำหรับผู้ที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วย ถ้าจะต้องดูแลต่อจะต้องใช้งบประมาณอย่างไร และคนที่ใช้ไฟมากกว่า 300-500 หน่วย จะมีมาตรการดูแลอย่างไรไปจนถึงสิ้นปี โดยใช้งบฯกลาง ซึ่งอีกไม่นานจะมีมาตรการออกมา

“ทุกรัฐบาลในโลกวันนี้หนักใจ แต่อยากจะให้ความมั่นใจเรื่องเสถียรภาพและวินัยการเงินการคลัง ท่านนายกฯกำชับให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ทำอะไรต้องอยู่ในกรอบ ต้องประคับประคอง”

เมื่อถามว่า วิกฤตนี้ท้าทายรัฐบาลหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ท้าทายทุกรัฐบาล ความท้าทายคือความไม่แน่นอน เช่น ราคาแก๊สแอลเอ็นจี วันนี้ขึ้นไป 50 กว่าเหรียญต่อหน่วยความร้อน คาดเดาไม่ได้ ทุกคนตุนหมด เพราะกลัวความหนาวเย็น ขอให้ร่วมมือกันประหยัดพลังงานให้ได้ 10-20% ความไม่แน่นอน คือ ความเสี่ยง

เมื่อถามว่า ช่วงหลังมีกระแสข่าวปรากฏชื่ออยู่โผปรับ ครม. ตอนนี้เก้าอี้รัฐมนตรีพลังงานยังแข็งแรงอยู่ใช่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ไม่ทราบ ผมก็นั่งเก้าอี้ 4 ขา (หัวเราะแห้ง ๆ)

“เรื่องนี้ไม่เป็นอะไร ผมก็ทำหน้าที่ไป ก็ยังทำงาน ปัญหาหน้างานก็เยอะอยู่แล้ว รวมทั้งเรื่องของอนาคตที่ต้องสร้างดึงดูดนักลงทุน เพราะต้องทำคู่กัน ตอนนี้ปัญหาหน้างาน ราคาพลังงงาน วิกฤตพลังงาน ต้องแก้ไป ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสในเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทย เช่น การย้ายฐาน ซึ่งไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีโอกาสสูงในการที่จะได้รับการคัดเลือกให้เป็นประเทศที่น่าลงทุน เราต้องทำงานเชิงรุกและรับ ทั้งหน้างานและอนาคต” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

เมื่อถามว่า ต้องแก้ปัญหางานยาก งานหนัก ต้องการรัฐมนตรีช่วยพลังงานมาเพิ่มหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า มีปลัดกระทรวงพลังงานที่เข้มแข็งอยู่แล้ว รวมทีมงานที่ดี นอกจากนี้ยังมีทีมปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อดึงดูดนักลงทุน ที่มี ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย เป็นหัวหน้าทีมปฏิบัติการเชิงรุกสนับสนุนอยู่แล้ว ไปได้ดี

เมื่อถามว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ครบ 8 ปีในวันที่ 23 ส.ค. 65 สิ่งที่ทำอยู่จะสะดุดหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ทุกอยู่ก็คงเดินหน้าตามปกติ

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งเสียอะไรหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์หัวเราะ พร้อมกับกล่าวว่า ไม่มี ท่านนายกฯ ยังทำงานปกติ และยังให้นโยบายและติดตามการทำงาน ให้ความสำคัญงานระยะสั้น เผชิญหน้าวิกฤตยังต้องประคับประคองและมีเสถียรภาพความมั่นคงในทุกด้านให้ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องฉกฉวยโอกาสดึงดูดเรียกความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยน่าอยู่ น่าลงทุน