“มาร์ค” นำทีม ปชป. ยื่นผู้ตรวจฯ ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำสั่ง คสช.ขัดรัฐธรรมนูญ

“มาร์ค” นำทีม ปชป. ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งศาล รธน. วินิจฉัยคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ชี้ขัดรัฐธรรมนูญ เอื้อประโยชน์พรรคใหม่ ทำลายพรรคเก่า ปัดสร้างปัญหาแค่ต้องการปกป้องสิทธิ ปชช.ที่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง

เมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยแกนนำพรรค ยื่นคำร้องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำสั่งดังกล่าว โดยยกเหตุผลประกอบคำร้อง 5 ข้อ คือ 1.ประเด็นที่กำหนดให้สมาชิกพรรคต้องยืนยันความเป็นสมาชิกต่อหัวหน้าพรรคภายใน 30 วัน มีผลไม่ต่างจากการรีเซตสมาชิกพรรคการเมือง หรือเท่ากับบังคับให้สมาชิกพรรคการเมืองพ้นสมาชิกภาพทั้งหมดและต้องสมัครใหม่โดยปริยาย 2.ในคำสั่งดังกล่าวยังห้ามไม่ให้พรรคการเมืองที่มีอยู่แล้วดำเนินการประชุมหรือดำเนินกิจการใดๆ ในทางการเมือง ทำให้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถสื่อสารกับสมาชิกพรรคโดยวิธีปกติในทางการเมืองได้

3.คำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 มีลักษณะเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองใหม่ บ่อนทำลายพรรคการเมืองเดิมที่มีขนาดใหญ่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์และสมาชิกพรรคได้รับความเดือดร้อน 4.คำสั่งดังกล่าวละเมิดสิทธิเสรีภาพของสมาชิกพรรคที่เป็นประชาชนตามรัฐธรรมนูญ จึงขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ในเรื่องการปฏิรูปและไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์และกระบวนการที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญทำให้พรรคประชาธิปัตย์และสมาชิกพรรคได้รับความเสียหาย และ 5.คำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ตราขึ้นโดยไม่ได้ปฏิบัติตามกระบวนการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 การรับฟังความคิดเห็น และมาตรา 132 (2) การตรวจสอบความชอบรัฐธรรมนูญ

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คำสั่งนี้ไม่ได้ปลดล็อกทางการเมือง เพราะการห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมืองยังมีผลบังคับใช้อยู่ แต่อนุญาตให้คนตั้งพรรคการเมืองใหม่เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2561 สามารถหาสมาชิกได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการโน้มน้าวสมาชิกพรรคการเมืองอื่นให้ลาออกไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคใหม่ได้ แต่ไม่อนุญาตให้พรรคเก่าหาสมาชิกหรือดำเนินกิจกรรมการเมืองได้ โดยกำหนดว่าตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 เมษายน ให้สมาชิกยืนยันการเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองด้วยการทำหนังสือไปถึงหัวหน้าพรรค และแสดงหลักฐานว่ามีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามครบถ้วนตามกฎหมายพรรคการเมือง รวมทั้งต้องชำระเงินค่าบำรุงพรรคตามกฎหมาย โดยให้หัวหน้าพรรคตรวจสอบภายใน 30 วันหลังจากนั้น ซึ่งปัจจุบันพรรคมีสมาชิกถึง 2.7 ล้านคน คำสั่งดังกล่าวจึงก่อให้เกิดความเดือดร้อนและเป็นภาระที่เกินกว่าเหตุ อีกทั้งยังเป็นการเลือกปฏิบัติระหว่างพรรคการเมืองเดิมกับพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งเป็นการตรากฎหมายที่ละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา 27 ที่บัญญัติมิให้มีการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุผลที่เกี่ยวกับความคิดทางการเมือง

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า คำสั่งนี้ยังไม่เข้าข่ายเงื่อนไขตามมาตรา 44 ที่ต้องทำเฉพาะเรื่องปรองดอง สามัคคี ความมั่นคง และการปฏิรูป และตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 279 ก็ไม่ได้บัญญัติให้คำสั่งนี้ เป็นที่สุดเหมือนที่เคยเขียนไว้ในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว แสดงให้เห็นว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไม่ได้ต้องการให้คำสั่งหัวหน้า คสช.มายกเลิกหรือแก้ไขกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ คำสั่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ปราศจากเหตุผลโดยสิ้นเชิงเพราะเหตุผลที่นำมาอ้าง ล้วนไม่สอดคล้องกับความจริง 4 ประการ คือ 1.กรณีที่อ้างว่ามีสมาชิกซ้ำซ้อนกัน ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองได้มีการตรวจสอบและแก้ปัญหานี้ไปแล้ว 2.ที่อ้างว่าสมาชิกพรรคปัจจุบันอาจไม่ตั้งใจมาเป็นสมาชิกพรรค ก็ขอยืนยันว่าสมาชิกของพรรคต้องถ่ายภาพ ลงลายมือชื่อ มีการพิมพ์ลายนิ้วมือ ข้ออ้างนี้จึงไม่เป็นความจริง 3.การอ้างว่าคำสั่งนี้เปิดโอกาสให้สมาชิกพรรคการเมืองทบทวนอุดมการณ์ก็ไม่เป็นความจริง เพราะการประชุมใหญ่ไม่สามารถทำได้ และ 4.ตามกฎหมายเดิมไม่ได้มีปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างพรรคการเมืองเก่ากับพรรคการเมืองใหม่ เนื่องจากทุกพรรคต้องจัดให้มีสมาชิกที่ชำระเงินค่าบำรุงพรรคในจำนวนและตามเงื่อนเวลาที่เสมอภาคกันอยู่แล้ว

“ผมไม่มีเจตนาสร้างปัญหาทางการเมืองให้กับผู้ออกคำสั่งนี้ แต่ผมมีหน้าที่ที่จะปกป้องสิทธิของประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง และผมต้องการเห็นการปฏิรูปการเมืองเดินหน้า การตรากฎหมายเป็นไปตามหลักนิติธรรม ไม่มีการใช้อำนาจบิดเบือนจนทำให้เกิดวิกฤตอย่างในปัจจุบัน ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจหน้าที่ในการแก้ไขความเดือดร้อน สร้างภาระเกินแก่เหตุ จึงขอให้เสนอไปยังหน่วยงานรัฐแก้ไขไม่ให้ก่อให้เกิดผลกระทบและส่งศาลรัฐธรรมนูญได้ หากเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญ และขอให้พิจารณาโดยเร่งด่วน เพราะความไม่เป็นธรรมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมเป็นต้นไป” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ด้านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า จะมีการรายงานในที่ประชุมให้รับทราบถึงคำร้องดังกล่าวว่าเป็นการสร้างความเดือดร้อน หรือทำให้เกิดภาระที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ และหากมีปัญหาเรื่องความชอบของรัฐธรรมนูญก็อาจส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ถ้าผู้ตรวจฯพิจารณาแล้วเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวชอบแล้วก็จะต้องชี้แจงให้ผู้ร้องรับทราบต่อไป พร้อมกับยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว และให้ความมั่นใจว่าผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ได้ทำงานภายใต้แรงกดดันของใคร แต่ปฏิบัติหน้าที่โดยอิสระตามข้อเท็จจริง รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่จะมีนำเสนอเพื่อพิจารณาไปพร้อมกับคำร้องของพรรคเพื่อไทยที่ยื่นไปก่อนหน้านี้

 

ที่มา : มติชนออนไลน์