ประยุทธ์ สั่ง ติดตั้งประตู-หน้าต่างนิรภัย ศูนย์เด็กเล็ก สังกัด สพฐ.- มท.ทั่วประเทศ

ประยุทธ์ สั่ง ติดตั้งประตู-หน้าต่างนิรภัย ศูนย์เด็กเล็ก สังกัด สพฐ.- มท.ทั่วประเทศ

ประยุทธ์ ไม่นิ่งนอนใจ ระดมมาตรการป้องกันภัยสถานศึกษาทุกระดับ มอบ ตรีนุช เดินหน้าให้อาชีวะติดตั้ง ประตู-หน้าต่างนิรภัยศูนย์เด็กเล็ก สังกัดสพฐ.- กระทรวงมหาดไทย ทั่วประเทศ

วันที่ 10 ตุลาคม 2565 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เร่งดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วน ของ พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในการหามาตรการป้องกันและเฝ้าระวังเหตุร้ายภายในพื้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียนสอนเด็กปฐมวัย ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และกระทรวงมหาดไทยทั่วประเทศ

น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า กระทรวงศึกษาได้ให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ติดตั้งระบบประตูป้องกันภัยให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดและโรงเรียนสอนเด็ฏปฐมวัย ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และกระทรวงมหาดไทยทั่วประเทศ เพื่อคัดกรองบุคคลแปลกหน้าเข้า-ออกในพื้นที่

โดยให้ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคและอาชีวะ ในสังกัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ประสานกับหน่วยการจัดการศึกษาปฐมวัยในจังหวัด สังกัด สพฐ. เทศบาล องค์กรบริหารส่วนจังหวัด องค์กรบริหารส่วนตำบล และเอกชน สำรวจความต้องการจัดตั้งระบบป้องกันภัย ตามบริบทของแต่ละพื้นที่ โดยให้สาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง อาทิ ช่างเชื่อม ช่างก่อสร้าง ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างเมคคาทรอนิกส์ และช่างไฟฟ้า จัดทำและติดตั้งระบบป้องกันภัย

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เบื้องต้น ได้ประสานให้วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา เป็นจังหวัดต้นแบบนำร่องเพื่อใช้ทั่วประเทศ ในการออกแบบทดลองระบบป้องกันภัยให้กับนักเรียนเด็กเล็ก โดยมุ่งหวังเป็น ประตู-หน้าต่างนิรภัยศูนย์เด็กเล็กแบบครบวงจร ทั่งคุณภาพและความแข็งแรงมีระบบเตือนภัยภายใน พร้อมกับมีกล้องตรวจจับพฤติกรรมเสี่ยงและเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที

ซึ่งนายธนภัทร แสงจันทร์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา ได้เร่งดำเนินการออกแบบและจัดหาอุปกรณ์ในการดำเนินการ และคาดว่าต้นแบบจะออกมาให้ได้ภายในสัปดาห์หน้า

“รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ โดยนายกรัฐมนตรี ได้เตรียมระดมมาตรการเพื่อออกแบบให้สถานศึกษามีความปลอดภัยในทุกระดับ โดยเฉพาะกำลังพิจารณาแนวทางในการติดตั้งสัญญาณ SOS ขอความช่วยเหลือไปยังสถานีตำรวจในพื้นที่  เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ร

วมทั้งเน้นย้ำการซักซ้อมวิธีการเอาตัวรอดจากการเผชิญเหตุร้าย เพื่อให้บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนมีทักษะสามารถปฏิบัติตามวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อลดการสูญเสีย” น.ส.ทิพานันกล่าว