ครม.ผ่านแผนพัฒนากีฬา ฉบับที่ 7 หนุนออกกำลังกายร้อยละ 50 ในปี 70

ออกกำลังกาย
Photo : Pixabay

ครม.เห็นชอบร่างแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2566-2570) เพื่อให้การกีฬาเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศ

วันที่ 3 มกราคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่คณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติเสนอ อนุมัติร่างแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2566-2570) ที่สอดคล้องกับแผนต่าง ๆ อาทิ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570)

ซึ่งแผนดังกล่าวมีฐานะเป็นแผนระดับที่ 3 เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี เพื่อให้การกีฬาเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศ และเพื่อให้ไทยมีทิศทางการพัฒนาการกีฬาอย่างเป็นรูปธรรมและสามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายละเอียดสาระสำคัญของแผนสรุปได้ ดังนี้

1.วิสัยทัศน์ “กีฬาพัฒนาคน สังคม และเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย” และพันธกิจ คือ การกีฬาเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคม และเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ

2. เป้าประสงค์และตัวชี้วัดหลัก คือ 2.1 ประชาชนทุกกลุ่ม (เด็ก เยาวชน และประชาชน) มีการออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2570

2.2 นักกีฬาผู้แทนของไทยประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ โดยอยู่ในอับดับ 6 ในระดับเอเชียในรายการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ กีฬาพาราลิมปิกเกมส์ กีฬาเอเชียนเกมส์ และกีฬาเอเชียนพาราเกมส์ภายในปี 2570

2.3 บุคลากรด้านการกีฬาทั่วประเทศได้รับการรับรองมาตรฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อปี 2.4 อุตสาหกรรมการกีฬามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีมูลค่าอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ต่อปี และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศ

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมการกีฬานั้น แผนการดำเนินการจะทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดย 1.มีจำนวนและมูลค่ารายได้ของผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการกีฬามีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ต่อปี 2.มูลค่าการส่งออกทางการกีฬาโดยรวมมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ต่อปี

3.มูลค่าทางเศรษฐกิจในการจัดการแข่งขันกีฬาในประเทศเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ต่อปี 4.มีมาตรการด้านการเงินและ/หรือภาษีเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา 5.พัฒนาเมืองกีฬาให้สำเร็จและยั่งยืนอย่างน้อยปีละ 1 แห่ง

6.มีการจัดทำข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศด้านการกีฬา (Gross Domestic Sport Product: GDSP) และการประเมินผลตอบแทนทางสังคม (Social Return On Investment: SROI) ที่เกี่ยวข้องภายในปี 2566 และ 7.การลงทุนจากภาครัฐและ/หรือภาคเอกชนในการค้นคว้าและวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสร้างนวัตกรรมการกีฬามีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่าอัตราการเจริญเติบโตของมูลค่าการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา(R&D) ในภาพรวมของประเทศในแต่ละปี

“ในที่ประชุมมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมให้พิจารณาให้ความสำคัญกับการฝึกสมรรถภาพทางกายให้กับประชาชนทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัยเพื่อสร้างความแข็งแรง และสมบูรณ์ทางร่างกาย และการเตรียมความพร้อมก่อนการฝึกทักษะกีฬาขั้นพื้นฐาน และการฝึกเพื่อพัฒนาสมรรถภาพ และขีดความสามารถให้ได้ระดับสูงสุดต่อไป และสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจเข้ามามีบทบาทและส่วนร่วมในการพัฒนาการกีฬาและการจัดหมวดหมู่ประเภทกีฬาที่ไทยมีชื่อเสียงและเป็นที่นิยม” น.ส.ทิพานัน กล่าว