
ครม.รับทราบรายงานประจำปี 2565 โครงการอีอีซี รถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน-สนามบินอู่ตะเภา-ท่าเรือแหลมฉบัง มาบตาพุด ส่งต่อรัฐบาลใหม่
วันที่ 25 เมษายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานประจำปี 2565 ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) โดยมีผลงานที่สำคัญ ดังนี้
1.โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ (EEC Project List) มีโครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการแล้วรวม 5 โครงการ โดยทุกโครงการมีความก้าวหน้า
- โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินมีการส่งมอบพื้นที่โครงการให้เอกชนตามคู่สัญญาดำเนินการ มีการออกแบบและการก่อสร้างโครงการพื้นฐาน
- โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มีการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 และทางขับที่เกี่ยวข้อง มีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่โครงการ เช่น ระบบประปาและบำบัดน้ำเสีย
- โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ท่าเทียบเรือ F เช่น มีการถมทะเล มีการสร้างอาคารท่าเทียบเรือชายฝั่งและมีการชดเชยและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาโครงการ
- โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 มีการก่อสร้างเขื่อนกันทรายในงานถมทะเล
- โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (Maintenance Repair and Overhaul : MRO) มีการชะลอโครงการ เนื่องจากการบินไทยอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการและมีสถานะเป็นเอกชน
2.เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เป็นพื้นที่ดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย ภายใน EEC มี 2 รูปแบบ ได้แก่
- เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ มีการจัดตั้งไปแล้ว 7 เขต เช่น เขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) เขตส่งเสริมอุตสาหกรรม และนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) และเขตส่งเสริมนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi)
- เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการอุตสาหกรรม มีการประกาศจัดตั้งแล้ว รวม 28 เขต เช่น นิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์น เป็นต้น ทุกแห่งได้ผ่านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยแล้ว
3.แผนผังการพัฒนาพื้นที่ EEC แบ่งประเภทการใช้ที่ดินออกเป็น 4 กลุ่ม ตามการใช้ประโยชน์ที่ดิน ได้แก่
- พื้นที่พัฒนาเมืองและชุมชน
- พื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรม
- พื้นที่พัฒนาเกษตรกรรม
- พื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองอยู่ระหว่างการจัดทำผังเมืองรวมระดับอำเภอ รวม 30 อำเภอ ในพื้นที่ EEC โดยคาดว่าจะประกาศบังคับใช้ได้ทั้งหมดภายในปี 2567
4.ความก้าวหน้าโครงการ EECi และ EECd อาทิ มีการก่อสร้างกลุ่มอาคารในการพัฒนาพื้นที่ของ EECi เพื่อรองรับพัฒนานวัตกรรมในรูปแบบต่าง ๆ และ โครงการ EECd มีการจัดโซนนิ่งเพิ่มพื้นที่สำหรับกิจกรรมเชิงพาณิชย์
5.การให้บริการศูนย์บริการเบ็ดเสร็จครบวงจร (EEC-OSS) เป็นการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ในพื้นที่ EEC รวม 44 งานบริการ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การขอขยายกิจการ และการต่ออายุใบอนุญาต มีการดำเนินงานร่วมกับ อปท. และร่วมกันพัฒนางานให้บริการที่เกี่ยวเนื่องในรูปแบบ e-Service เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน ผู้ประกอบการ และประชาชนในพื้นที่
6.การชักจูงการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ เพื่อสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ โดยมีการดำเนินกิจกรรมเพื่อชักจูงนักลงทุนเป้าหมายจากประเทศต่าง ๆ ให้เข้ามาลงทุนจำนวน 18 ประเทศทั่วโลก และหนึ่งองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหราชอาณาจักรสาธารณรัฐฝรั่งเศส ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย เป็นต้น โดยเน้น 4 กลุ่มอุตสาหกรรมและ 1 แนวคิดคือ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมดิจิทัลและแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว
7.การประชาสัมพันธ์และการสร้างการมีส่วนร่วมในพื้นที่
8.แผนงานบูรณาการ EEC ขับเคลื่อนแผนบูรณาการฯ สานต่อโครงการร่วมทุนภาครัฐและเอกชน (EEC Project List) และการพัฒนากำลังคนให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรม ยกระดับคุณภาพระบบสาธารณสุขให้ได้มาตรฐานสากล ควบคู่ไปกับการขยายตัวของเมืองและการพัฒนาเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ
9.ความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผน และมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา EEC อาทิ ร่วมลงนาม MOU ร่วมกับภาคเอกชนเพื่อพัฒนาทักษะบุคลากร ส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ 5G
10.กองทุนพัฒนาอีอีซี มีการดำเนินการ เช่น โครงการบัณฑิตอาสาต้นแบบโครงการยกระดับการผลิตทุเรียนพรีเมี่ยมด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืนเป็นต้น
11.ระเบียบประกาศที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา EEC คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายได้พิจารณากลั่นกรองความเห็นเกี่ยวกับร่างกฎระเบียบข้อบังคับประกาศหรือคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา EEC มีผลบังคับใช้แล้วรวม 10 ฉบับ