ฝ่ายค้านยื่นซักฟอกรัฐบาล 3 วัน ตั้งข้อหาไม่ทำตามสัญญา ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ ไร้เป้าหมาย ไร้จริยธรรม และไร้วุฒิภาวะ
วันที่ 13 มีนาคม 2567 ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร, นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายกฤดิทัช แสงธนโยธิน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคใหม่, นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย, นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเป็นธรรม และนายปรีดา บุญเพลิง สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน ร่วมกันยื่นญัตติขอเปิดการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร
โดยนายชัยธวัชกล่าวว่า วันนี้พวกเราพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งห้าพรรคได้ยื่นญัตติขออภิปรายตามมูลมาตรา 152 แก่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเนื้อหาของญัตติดังนี้ คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้บริหารราชการแผ่นดินมาเป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว แต่มิได้ดำเนินการหรือปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับประชาชน ไม่จริงใจ ไม่ตั้งใจ เพิกเฉยต่อคำแถลงนโยบายของตนที่ได้ให้ไว้ต่อรัฐสภา ขาดประสิทธิภาพหรือความชัดเจนแน่นอน ยังไม่ได้มีการขับเคลื่อนนโยบายหรือแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
นโยบายเร่งด่วนสวนทางกับความเป็นจริงการดำเนินการของรัฐบาลตามนโยบายเร่งด่วนที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ไม่ว่าจะการแก้ปัญหาหนี้สินในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพลังงานของประเทศ การกระตุ้นเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาความเห็นที่ต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศล้วนขาดยุทธศาสตร์ และการปฏิบัติที่ตรงเป้าหมาย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรียังมีพฤติกรรมที่ทำลายความเชื่อมั่นในการบริหารประเทศ รัฐบาลปล่อยปละละเลยให้มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเอารัดเอาเปรียบประชาชน ระบบราชการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือเกิดการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย แทนที่จะเร่งฟื้นฟูหลักนิติรัฐนิติธรรม กลับเกิดการเลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม
ทำลายหลักความเสมอภาค เท่าเทียมทางกฎหมาย และการไม่จริงใจต่อการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น การลดความเหลื่อมล้ำ การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน การปฏิรูปกองทัพ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ปัญหาการศึกษา และปัญหาสิ่งแวดล้อม การดำเนินการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด และความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนมีความผิดพลาด ไร้ความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์ การดำเนินนโยบายต่างประเทศยังไม่สามารถฟื้นฟูบทบาทสำคัญของประเทศไทยในเวทีโลกได้
หากปล่อยปละละเลยให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินอย่างไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ ไร้เป้าหมาย ไร้จริยธรรม และไร้วุฒิภาวะต่อไป จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูสภาวะทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ตามที่พี่น้องประชาชนคาดหวังจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
จากสถานการณ์ที่กล่าวถึงข้างต้น จึงจำเป็นที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในฐานะที่เป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย จะได้นำเสนอสภาพปัญหา ข้อเสนอแนะ และซักถามข้อเท็จจริงต่อคณะรัฐมนตรีในเรื่องดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการดำเนินนโยบายและแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน
ดังนั้น ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริง และเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องดังกล่าวแล้ว จะส่งให้สำนักงานเลขาฯ สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบรายชื่อและญัตติต่อไป ซึ่งคงไม่มีอะไร หลังจากนี้จะจัดให้มีการประชุมระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน และตัวแทนรัฐบาล เพื่อกำหนดวันที่ชัดเจนและเวลาที่จะอภิปราย ซึ่งการดำเนินการจะมีเวลากำกับ คาดว่าคงดำเนินการเสร็จสิ้นภายในต้นเดือนเมษายน
ผู้สื่อข่าวถามว่า 3 วันในการอภิปรายเป็นเวลาเหมาะสมหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการประชุม ขึ้นอยู่กับญัตติที่อภิปราย เวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญที่สาระในการอภิปราย เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย โดยเฉพาะประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
ส่วนจะการันตีได้หรือไม่ว่ารัฐบาลจะมาตอบการอภิปราย นายวันมูหะมัดนอร์ ระบุว่า เท่าที่ทราบอย่างไม่เป็นทางการทาง รัฐบาลอยากจะใช้เวลาในช่วงต้นเดือน เม.ย. เพื่อจะอธิบายให้เสร็จสิ้นก่อนจะปิดสมัยประชุมสภา เชื่อว่าคงไม่มีปัญหา เพราะรัฐบาลจะมาตอบอภิปรายทั่วไปของสมาชิกวุฒิสภาอยู่แล้ววันที่ 25 มี.ค.
สำหรับความคาดหวังต่อรัฐบาลในการอภิปรายครั้งนี้ นายชัยธวัชกล่าวว่า แน่นอนเราหวังว่าจะเป็นการตรวจการบ้านครั้งสำคัญ หลังจากที่ประชาชนคาดหวังมาก ว่าเมื่อมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ หลังรัฐบาลจากการยึดอำนาจพ้นจากตำแหน่งแล้ว เมื่อเราเห็นว่า 6 เดือนที่ผ่านมา นโยบายของรัฐบาลไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวังของประชาชน จึงหวังว่าการอภิปรายจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อไม่ให้ประเทศเสียโอกาส
นายชัยธวัชยืนยันว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านมีความเต็มที่และมีกำลังใจ ทั้งนี้ การอภิปรายไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณี กกต.มีมติยึดศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล แต่ยิ่งต้องตั้งใจอย่างเต็มที่มากกว่าปกติ พร้อมย้ำว่าเป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลพรรคเดียว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคร่วมฝ่ายค้านพรรคอื่น พรรคก้าวไกลเองเตรียมต่อสู้ในกระบวนการทางกฎหมาย
เมื่อถามถึงประเด็นที่จะอภิปราย นายชัยธวัชระบุว่า “รอฟัง ไม่เฉลยการบ้าน” สำหรับข้ออ้างที่รัฐบาลยังไม่ได้ใช้งบประมาณนั้น ตนมองว่าการบริหารราชการแผ่นดินไม่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณแผ่นดิน แน่นอนการใช้งบประมาณสำคัญ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เรายังรอเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ได้ หลังจากมีการใช้งบประมาณอย่างเต็มที่แล้ว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบริหารประเทศภายใต้นายเศรษฐา มีเรื่องสำคัญจำเป็นที่ต้องอภิปรายแน่นอน
ส่วนจะรวมเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเลตด้วยหรือไม่นั้น นโยบายเรือธงต่าง ๆ รวมถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องอภิปรายแน่นอน ส่วนจะรวมประเด็นของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่นั้น “เดี๋ยวรอฟัง”