“ปิยบุตร” ลั่น ผู้สมัคร ส.ส.เขตไม่ใช่พลทหารเก็บแต้มให้ปาร์ตี้ลิสต์ มั่นใจ “อนาคตใหม่” ชนะหลายเขต

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 ตุลาคม ที่สำนักงานใหญ่พรรคอนาคตใหม่ อาคารไทยซัมมิททาวเวอร์ ชั้น 5 พรรคอนาคตใหม่เปิดรับสมัครผู้ประสงค์ลงสมัครเพื่อแข่งขันไพรมารี เป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ ภายใต้ชื่อกิจกรรม “ผู้สมัครอนาคตใหม่อาจเป็นคุณ” โดยมีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค และนายรณวิต หล่อเลิศสุนทร รองหัวหน้าพรรค ให้การต้อนรับและกล่าวชี้แจงถึงแนวทางการทำไพรมารีโหวต

นายปิยบุตร กล่าวว่า อยากให้สมาชิกทุกคนพิจารณาการลงคะแนนไพรมารีโหวตเลือกผู้สมัครส.ส.แต่ละเขตให้ดี บางรายอาจมีการปลอมมาอย่างแนบเนียน เพื่อเข้ามาแล้วทรยศพรรคในวันข้างหน้า ขอยืนยันว่า สมาชิกพรรคทุกคนจะเป็นผู้เลือกผู้สมัครส.ส.ในแต่ละเขตด้วยตนเอง ไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค

ดังนั้น สมาชิกทุกคนไม่ต้องวิ่งมาหาตนหรือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค เพื่อหวังลงเป็นผู้สมัคร ขั้นตอนจากนี้ เมื่อรับสมัครคนที่จะลงไพรมารีโหวตแล้ว จะมีการสัมภาษณ์เบื้องต้นดูทัศนคติก่อนให้สมาชิกร่วมไพรมารีโหวตต่อไป นี่คือกติกาของพรรค อาจมีการมองว่าเป็นเรื่องเสียเปรียบที่เราเปิดตัวผู้สมัครช้า แต่ตนมองว่านี่คือความได้เปรียบในการสร้างวัฒนธรรมการเมืองแบบใหม่ ประชาชนมีส่วนร่วมในพรรค แบบประชาธิปไตยทางตรง และการกระจายอำนาจ

“เกจิหลายสำนักประเมินอนาคตใหม่จะไม่ได้ส.ส.เขต แต่จะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อจากคะแนนแบบแบ่งเขต ก็ขอเรียนว่า ผมไม่ได้มองผู้สมัครส.ส.แบบเขต เป็นพลทหารไปเก็บคะแนนให้ส.ส.บัญชีรายชื่อ สมาชิกทุกคนที่ได้ลงเขตคือ นักสู้ทางความคิดของพรรคอนาคตใหม่

ซึ่งผมเชื่อว่า อนาคตใหม่จะชนะการเลือกตั้งในหลายเขต ด้วยมิติทางการเมืองแบบใหม่ ประสบการณ์จากการลงพื้นที่ของผมพบว่า คนต้องการความเปลี่ยนแปลง การเมืองไม่ใช่แค่การเลือกตั้งเพื่อเป็นส.ส.เข้าสภาถ่ายรูปคู่สายสะพายแปะฝาบ้านแล้วจบ พรุ่งนี้มีความหวังแน่นอน เพราะพวกเราเริ่มต้นนับหนึ่งแล้ว จึงขอให้ทุกคนสู้อย่างเต็มที่ เพื่อเข้าไปร่วมกันมีอำนาจรัฐสร้างความเปลี่ยนแปลง” นายปิยบุตรกล่าว

ด้านนายรณวิต กล่าวว่า เขตกรุงเทพฯและปริมณฑล อย่าง จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี จ.สมุทรปราการ และจ.สมุทรสาคร อนาคตใหม่มีการจัดทีมเฉพาะแยกจากภาคกลาง เพื่อยกระดับเป็นพรรคทางหลัก ให้ประชาชนมั่นใจในการเลือกอนาคตใหม่ ซึ่งทีมงานทำงานอย่างหนักกันมาหลายเดือน ผ่านเครือข่ายที่ขยายวงเพิ่มมากขึ้น

โดยยุทธศาสตร์ทีมกทม.และปริมณฑลจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ 1.ช่วงก่อนประกาศพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.)กำหนดวันเลือกตั้ง นายธนาธรและนายปิยบุตร แกนนำพรรค จะร่วมลงพื้นที่ขยายอุดมการณ์ร่วมกันบ่อยครั้งขึ้น 2.ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เมื่อได้ผู้สมัครส.ส.แล้ว จะระดมหาเสียงอย่างเต็มที่ไม่ประนีประนอมกับเป้าหมายที่เราจะได้ โดยจะทำงานกันอย่างสนุกและสร้างสรรค์ นอกจากนี้เรายังมีทีมยุทธศาสตร์คอยศึกษาประเมินผลการลงคะแนนรายเขตด้วย

ที่มา มติชนออนไลน์