พรรคขาใหญ่ เร่งเครื่องดูด “ตระกูลตัวแปร” ติดสปริงหนีล็อก 90 วัน

26 พ.ย.คือเส้นตาย การที่นักการเมืองที่ยังไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งต้องหาที่อยู่ให้ได้ หากคิดจะลงเลือกตั้งในกรณีที่วันเลือกตั้งยังเป็นวันที่ 24 ก.พ. 2562 เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 97 เขียนไว้ชัดว่า ผู้สมัครเลือกตั้งจะต้องสังกัดพรรคก่อนถึงวันเลือกตั้ง 90 วัน ไม่เช่นนั้นจะหมดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง

และแล้วเมื่อปฏิทินการเมืองย่างกรายเข้าสู่เดือน พ.ย. ฝุ่นการเมืองก็ฟุ้งกระจาย เพราะพรรคการเมืองขนาดบิ๊กไซซ์-พรรคขนาดกลาง หรือพรรคที่มีพลังพิเศษ ต้องเร่ง “ดูด” นักเลือกตั้งเข้าสังกัดให้เสร็จก่อน 26 พ.ย. จัดทัพนักเลือกตั้งลุยศึกการเมืองที่อัดอั้นมานานกว่า 8 ปี หลายพรรคขยับรุนแรงตั้งแต่ยังไม่เข้าเดือน พ.ย.

พปชร.ดูดเพื่อไทย-ปชป.

พรรคพลังประชารัฐ ที่ผู้คนในแวดวงการเมืองมองว่าเป็นพรรคที่มี “พลังพิเศษ” หนุนหลัง เพราะมี 4 รัฐมนตรี มีตำแหน่งแห่งหนในพรรค ตั้งแต่หัวหน้าพรรค รองหัวหน้า เลขาธิการ ไปจนถึงโฆษกพรรค มีที่ปรึกษาทางใจอย่าง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” แม่ทัพเศรษฐกิจรัฐบาล คสช. มีกลุ่มสามมิตรเป็นแกนหลัก ที่รวบรวมนักการเมืองหน้าเก่า-ใหม่มาสังกัดพรรค

กลุ่มสามมิตร ที่มี สมศักดิ์ เทพสุทิน-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหัวขบวน โชว์พลังดูดเต็มขั้น เดินเข้าซุ้มการเมือง-บ้านใหญ่นักเลือกตั้งทั้งเหนือ กลาง อีสาน พุ่งเป้าดูดนักการเมืองขั้วเพื่อไทยจนเป็นข่าวครึกโครม ตัวอย่างที่เห็นชัด ปรากฏชื่อ “ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข” อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของเพื่อไทย พร้อมพาอดีต ส.ส.เลย 2 ชีวิต “เปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข” อดีต ส.ส.เลย ภรรยาของ “ปรีชา” และ “วันชัย บุษบา” อดีต ส.ส.เลย

ขณะที่อีสานใต้ได้ “สุพล ฟองงาม” อดีต รมช.มหาดไทยของเพื่อไทย-พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ที่เคยอยู่ใต้ร่มเพื่อไทย ไปเข้าสังกัด พร้อมพา “สุทธิชัย จรูญเนตร” อดีต ส.ส.อุบลฯไปซบพรรคใหม่ เช่นเดียวกับ นครพนม ที่เสีย “ชูกัน กุลวงษา” อดีต ส.ส.นครพนม ก็ไปซบตักพลังประชารัฐ

ตระกูล “รัตนเศรษฐ” ที่นักการเมืองในพรรคเพื่อไทยเชื่อว่า ย้ายไปอยู่กับ พปชร.แล้ว หลังจากกลุ่มสามมิตรเปิดโต๊ะเจรจากับ “วิรัช รัตนเศรษฐ” ซึ่งตามคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2557 ที่เป็นโมฆะไป ตระกูลรัตนเศรษฐกวาดเก้าอี้ ส.ส.ไปถึง 3 เขตเลือกตั้ง คือ ทวิรัฐ เขต 4-อธิรัฐ เขต 8-ทัศนียา เขต 9 และ “วิรัช” ที่ลงบัญชีรายชื่อเพื่อไทย

ส่วน “เทียนทอง” ที่ยึดครองจังหวัดสระแก้วมาช้านาน แต่ศึกเลือกตั้งปี”62 “ฐานิสร์-ตรีนุช” เทียนทอง อดีต ส.ส.เขต 1 และเขต 2 ได้ลาออกจากพรรคเพื่อไทย ไปอยู่กับพลังประชารัฐ

ขณะที่ฝั่งตะวันออกมีข่าวว่าจะเสีย “พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์” อดีต ส.ส.เขต 1 กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย ไปซบพรรคพลังประชารัฐ ค่อนข้างแน่ ส่วนภาคกลาง “ฉลอง เรี่ยวแรง” อดีต ส.ส.เขต 6 นนทบุรีเพื่อไทย ประกาศตัวชัดเจนว่าย้ายไปเช่นเดียวกัน

ไม่เพียงฝั่งเพื่อไทยที่ถูกดูดเท่านั้น ฝั่งประชาธิปัตย์ก็ถูกสั่นคลอน หลังจากอดีต ส.ส.ในหมวก กปปส.ได้ย้ายไปมีตำแหน่งแห่งหนในพรรคพลังประชารัฐ เช่น พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ปัจจุบันเป็นโฆษกรัฐบาล สกลธี ภัททิยะกุล รองผู้ว่าฯ กทม. และ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังมีข่าวว่า “ปารเมศ โพธารากุล” อดีต ส.ส.กาญจนบุรี-ธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประชาธิปัตย์ ถูกทาบทามมาอยู่พลังประชารัฐด้วย

ยังไม่นับ นักการเมืองกลุ่มวังน้ำยม ที่ไหลตามหัวหน้ากลุ่ม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ไปเป็นแกนหลักพลังประชารัฐ อาทิ อนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส.ชัยนาท-นิวัฒน์ นิติกาญจนา อดีต ส.ส.ราชบุรี

พท.ได้บิ๊กเนมชาติไทยฯร่วมก๊วน

แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะเลือดไหลไปซบพรรคพลังประชารัฐไปหลายคน แต่ก็ได้ “บิ๊กเนม” ตัวเด่นในพื้นที่ภาคกลาง จากพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) มาร่วมก๊วน นักการเมืองระดับ “อดีตรัฐมนตรี” ที่มาซบพรรคเพื่อไทยอีกคนคือ “ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์” อดีต รมช.คลัง จากชาติไทยพัฒนา ซึ่งมาเป็นแพ็กคู่กับน้องชาย “วินัย ภัทรประสิทธิ์” อดีต ส.ส.พิจิตร ที่ลาออกจากชาติไทยพัฒนาตั้งแต่ปฏิวัติ พร้อมกับได้ “ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ” อดีต ส.ส.สุพรรณบุรี ยอมทิ้งบ้านเก่า “ชาติไทยพัฒนา” ที่ตระกูลประเสริฐสุวรรณอยู่ใต้ชายคามาตั้งแต่รุ่นพ่อ มาอยู่เพื่อไทยอีกราย

ใน จ.อุบลราชธานี ก็มีอดีต ส.ส.ชาติไทยพัฒนา ย้ายข้างไปซบเพื่อไทย คือ “รัฐกิตติ์ ผาลีพัฒน์” ถูกจัดให้ไปลงเขตเลือกตั้งที่ 5 จ.อุบลฯ แทนที่ “สุทธิชัย จรูญเนตร” ที่ไปอยู่พลังประชารัฐ และยังได้ “นคร มาฉิม” ที่กลายเป็นนักการเมืองพเนจร หลังจากออกจากพรรคประชาธิปัตย์ มาอยู่กับพรรคชาติพัฒนา เพื่อลงเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 ก่อนจะลาออกจากชาติพัฒนา

ในช่วง 7 เม.ย. 2559 โดยล่าสุดมาเป็นสมาชิกพรรคอีก 1 ราย แต่ยังไม่แน่ชัดว่าพรรคเพื่อไทยจะให้ลง ส.ส.หรือไม่

แต่หลังจากเพื่อไทยมีหัวหน้า-กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ชัดเจน โดยมี “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” เป็นแม่ทัพ เชื่อกันในพรรคว่า จะมีอดีต ส.ส.จากพรรคอื่นไหลเข้ามาซบเพื่อไทยมากกว่านี้แน่

ชาติไทยฯได้ “สะสมทรัพย์”

แต่ใช่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะเสียผู้เล่นคนสำคัญไปอยู่พรรคอื่นเพียงฝ่ายเดียว เพราะในการประชุมเลือกกรรมการบริหารพรรคนัดล่าสุด เมื่อ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้สร้างเซอร์ไพรส์เหนือเซอร์ไพรส์ กับการได้ “พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน” อดีตหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ มาเปิดตัวกับชาติไทยพัฒนา พร้อมกับขนลูกน้องเก่าเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งให้ชาติไทยพัฒนาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ส่วนบ้านใหญ่นครปฐม ตระกูล “สะสมทรัพย์” ที่ตกเป็นข่าวกับ พลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย สุดท้ายก็ลงล็อก ยกขบวนมาซบที่ชาติไทยพัฒนา พร้อมกับได้ อนุสรณ์ ไกรวัตนุสสรณ์ อดีต ส.ส.สมุทรสาคร ที่เคยอยู่ใต้ชายคาเพื่อไทยมาร่วมอีก 1 ราย

ฟากสมรภูมิเลือกตั้งในโซนอีสาน ก็ได้ “ประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ” อดีต รมช.คมนาคม พรรคภูมิใจไทย ย้ายมาเปิดตัวที่บ้านหลังใหม่ชาติไทยพัฒนา คาดว่าถูกวางตัวไว้ถิ่นเก่าคือสนามเลือกตั้ง จ.ขอนแก่น

ภูมิใจไทยเซ้งผู้แทนฯ ชทพ.

ภูมิใจไทยเป็นอีก 1 พรรค ที่เร่งเครื่องดูดนักการเมืองในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงเส้นตาย คนล่าสุดที่ไปซบตักคือ “สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ” อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ เคยอยู่กลุ่ม “นิวบลัด” ของชาติไทยพัฒนา ที่ว่ากันว่าถูกวางตัวให้เป็นถึงเลขาธิการพรรค แต่สุดท้ายเมื่อชาติไทยฯ กลายเป็นที่ชุมนุมของนักการเมืองรุ่นเก๋า-บ้านใหญ่ กลุ่มนิวบลัดจึงแตกสลาย ย้ายมาอยู่ภูมิใจไทย

นักการเมืองที่ซบ “ภูมิใจไทย” แบบเป็นทางการแล้ว อาทิ “ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์” อดีต ส.ส.พิจิตร เกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร อดีต รมช.คมนาคม อดีตบ้านใหญ่อยุธยา และ ชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต ส.ส.อุทัยธานี ทั้ง 3 คน เคยอยู่ชาติไทยพัฒนาทั้งสิ้น

นอกจากนี้ยังมีคนของพรรคเพื่อไทย-พรรคประชาธิปัตย์ ก็ไหลมาที่ภูมิใจไทย เช่น พงษ์พันธุ์ สุนทรชัย อดีต ส.ส.หนองคาย เพื่อไทย ลือกันว่าเป็นเพราะไม่มีพื้นที่ให้ลงในพรรคเพื่อไทยจึงย้ายมา ส่วน “ประมวล เอมเปีย” อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ก็ย้ายมาภูมิใจไทยแบบเงียบ ๆ พร้อมกับ “สมควร โอบอ้อม” อดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีปัญหาไม่ลงตัวในพื้นที่เลือกตั้ง

ปชป.เลือดไหลมากกว่าย้ายเข้า

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางศึกโหวตไพรมารี่หา “หัวหน้าพรรค” คนใหม่ แทบไม่มีข่าวว่ามีนักการเมืองระดับ “บิ๊กเนม” เข้าซบพรรคประชาธิปัตย์แม้แต่ 1 ชื่อ มีแต่คนไหลออกมากกว่าไหลเข้า โดยก้อนใหญ่คือ ก้อนอดีต กปปส.ที่ไหลไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ

นอกจาก “สมควร โอบอ้อม-ประมวล เอมเปีย” ที่ไหลไปอยู่ภูมิใจไทย ยังมีข่าวจากกลุ่มสามมิตรว่า สามารถดูด 5 ส.ส.ภาคตะวันออกของประชาธิปัตย์ไปร่วมกลุ่มได้แล้ว

1.สราวุฒิ เนื่องจำนงค์ อดีต ส.ส.ชลบุรี 2.พลตำรวจโทพิทักษ์ จารุสมบัติ อดีต ส.ส.จังหวัดฉะเชิงเทรา, 3.นายบุญเลิศ ไพรินทร์ อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา 4.นายวิชัย ล้ำสุทธิ์ อดีต ส.ส.ระยอง และ 5.นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา

หลังจบศึกเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีผู้นำชัดเจนอาจเห็นการขยับของพรรคสีฟ้ามากกว่านี้

นับถอยหลังไม่เหลือ 30 วัน จะถึงเส้นตาย 90 วันก่อนเลือกตั้ง เวลายิ่งน้อย…ยิ่งต้องจับตาความเคลื่อนไหว