37 ปี ในพรรคประชาธิปัตย์ ครึ่งชีวิตของสุเทพ เทือกสุบรรณ เชิด-ชวน หลีกภัย แบก-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นบัลลังก์นายกรัฐมนตรี
สุเทพ-เคยบอกว่า 1 ในความฝันของการเป็นนักการเมือง ของเขาคือ ต้องดันให้ “อภิสิทธิ์” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
และเขาทำสำเร็จในปี 2551 “อภิสิทธิ์” เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 รวม 2 ปี 231 วัน
“เป็นจริงแล้ว ไม่ฝันแล้ว ในตอนนั้นผมเห็นว่าภาพของคุณทักษิณ โดดเด่นเหลือเกิน เป็นนักธุรกิจ มีเงินหลายแสนล้าน ประสบความสำเร็จ เมื่อได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ใช้อำนาจคุมทั้งประเทศ ผมก็เลยไม่เห็นใครว่าจะเอามาสู้กับแก จนมาเจอคุณอภิสิทธิ์”
“คุณอภิสิทธิ์เขามีคุณสมบัติที่เป็นต้นทุน คือเขาเป็นคนบุคลิกลักษณะที่ดี หน้าตาดี คนเห็นก็น่าเชื่อถือ และเป็นคนสมองดี จิตใจดี ส่วนหนึ่งคงเพราะการร่ำเรียนมาจากมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แล้วเรียนทั้งด้านปรัชญา เศรษฐศาสตร์ และการเมือง ซึ่งผมมองว่าเป็นต้นทุนที่ดี และสิ่งสำคัญคือเขานำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างดี”
“ผมว่าในสภาผู้แทนราษฎร ถือว่าเป็นคนหาตัวจับยากเลยนะ ทุกครั้งที่เขาเดินขึ้นเวที ผมไม่ต้องกังวลเลย เรามั่นใจว่าเขาทำได้”
“ผมมั่นใจว่าสังคมต้องการคนแบบนี้ เป็นเรื่องท้าทายนะ เพราะเขาอายุน้อย มีคนบอกว่าเอาเด็กอายุ 40 กว่าเป็นผู้นำประเทศได้ไง ผมก็ว่าผมเห็นเยอะนะ ประเทศที่ผู้นำอายุน้อยๆ แล้วทำงานได้ดี ผมก็อยากเห็นแบบนั้นบ้าง ก็สนับสนุนเขามาตลอดตั้งแต่อยู่ในพรรค ให้เขามาเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งมันก็ขัดใจคนเยอะแยะ”
ฝ่าวิกฤตการเมืองกลางปี 2552 และวิกฤตพฤษภา 2553 ร่วมทุกข์ร่วมสุขในกรมทหารราบที่ 11 เกือบ 3 เดือน
“เลือดตาแทบกระเด็น เหนื่อยที่สุดในชีวิต เป็น 2 ปีที่สาหัสสากรรจ์ที่สุด ใน 33 ปีที่เป็นนักการเมือง” สุเทพเคยบอกไว้อย่างนั้น
“แต่ที่สบายใจคือ ผมกับคุณอภิสิทธิ์ไม่ใช่เพื่อนกัน เขาเป็นรุ่นหลังผมเยอะเลย และเขาไม่เคยมีบุญคุณอะไรกับผมที่จะต้องตอบแทน…ที่ผมทำเพราะอยากให้มีผู้นำแบบนี้จริงๆ”
“ผมมีความเชื่อมั่นว่าอภิสิทธิ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดี และเขาเหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีเมืองไทย ดังนั้น ผมจะต้องให้การสนับสนุนเขาทุกด้าน ทุกเรื่อง”
สุเทพ-ในเวลานั้น มุ่งมั่นให้ “อภิสิทธิ์” ได้ดับเบิ้ลแชมป์ กลับมามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย แต่ในการเลือกตั้ง 2554 ต้องพ่ายแพ้แก่พรรคเพื่อไทย
แต่เมื่อถึงการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 62 โค้งอันตรายก่อนลงคะแนน 2 สัปดาห์ “อภิสิทธิ์” ประกาศ “ไม่เอาบิ๊กตู่” ส่งสัญญาณชัดเจน ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
ขณะที่ “พรรคสุเทพ” หรือพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ประกาศ “หนุนบิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมชงทางเลือกดีล 270 เสียง จัดตั้งรัฐบาลร่วมพลังประชารัฐ
สุเทพ-ให้เหตุผลหนักแน่นที่นอกเหนือจาก “ออดอร์-พิเศษ” ที่เขาเคยเล่าทั้งออน-ออฟเดอะเรคคอร์ด ในการหนุน “บิ๊กตู่” กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ว่า…
“เรามีโอกาสที่จะต้องร่วมมือกับ พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น เพราะ หนึ่ง เราเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เอาทักษิณ สอง พล.อ.ประยุทธ์ร่างรัฐธรรมนูญวางแนวทางการปฏิรูปประเทศ สาม พล.อ.ประยุทธ์ มีความสุจริต”
สุเทพ-ในโลก 2 ใบ ระหว่างอภิสิทธิ์ กับบิ๊กตู่ เคยเดินร่วมทางรัก-ทางแค้นมาด้วยกัน
แต่เมื่อถึงวันเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ “อภิสิทธิ์” และประชาธิปัตย์ ต้องขึ้น Chapter ใหม่ ดันพรรคเป็น “ก๊กใหญ่” ในเกม “3 ก๊ก”
สุเทพ-อภิสิทธิ์ เดินทางมาถึงจุดแตกหัก !!! โดยมี “บิ๊กตู่” แทรกกลาง
