“ภูมิธรรม” ติง “ดอน” ทำไม่เหมาะสม ปม เตรียมเชิญทูตเข้าถกเรื่องจรรยาบรรณ

“ภูมิธรรม” ติง “ดอน” ทำไม่เหมาะสม ปม เตรียมเชิญทูตเข้าถกเรื่องจรรยาบรรณ ชี้ ควรไปทำความเข้าใจจะดีกว่า ย้ำ กกต. จะปัดที่นัางส.ส.ให้พรรคที่ได้คะแนนน้อยกว่าคะแนนที่จะได้ ส.ส.พึงมีไม่ได้ พร้อมเตือน กำลังทำผิดรธน. “เพื่อไทย” เตรียมท้วงเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย

เมื่อวันที่ 9 เมษายน ที่หนังสือพิมพ์ข่าวสด นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ กรณี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมเชิญทูตมาถกเรื่องจรรยาบรรณ ว่า ตนคิดว่ากระทรวงการต่างประเทศต้องทำความเข้าใจในบทบาทของตนเอง เพราะเราเป็นประเทศที่เปิดตัวเองคบกับนานาอารยประเทศ ดังนั้นการจะสัมพันธ์กับนานาประเทศควรใช้หลักสากลที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ การที่เรามีการดำเนินคดีกับหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่งในเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว 4 ปี แล้วนานาประเทศเขาให้ความสนใจที่จะเข้ามาดูไม่ใช่เรื่องที่ผิดจรรยาบรรณอะไร นายดอนอาจจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น นานาประเทศเพียงแต่สงสัยว่าเหตุใดเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาเหตุใดพลเรือนจึงต้องไปขึ้นศาลทหาร สิ่งต่างๆเหล่านี้หากระทรวงการต่างประเทศเข้าใจในบทบาทของตนเองก็มีหน้าที่ทำความเข้าใจเพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดว่าคดีที่เกิดขึ้นมีความผิดอะไร แล้วเหตุใดจึงจะต้องเข้าไปดำเนินการตามกระบวนการที่ผิดแผลกแตกต่างไปจากกระบวนการปกติ ความจริงแล้วท่านควรเข้าไปทำความเข้าใจไม่ใช่ไม่บอกว่าเขาเข้ามาแทรกแซง เพราะเขายังไม่ได้แสดงออกอะไรเลย และไม่จำเป็นต้องมีใครไปเชิญเขาหากเขามีความสนใจที่จะเข้ามาสังเกตการณ์เพราะเขาเป็นประเทศอารย เมื่อเห็นว่ามีการละเมิดสิทธิเขาก็เข้าไปดู นี่คือหลักสากล ที่ไม่มีประเทศไหนจะสามารถเอาตัวเองหลุดออกจากวงความสัมพันธ์จากประเทศต่างๆในโลกไม่ได้ ทั้งนี้ การที่บอกว่าจะไปเชิญเข้ามาเพื่อถกเรื่องจรรยาบรรณนั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ท่านควรเคารพความเห็นที่แตกต่างของแต่ละฝ่าย และแต่ละส่วนด้วย

มาถามถึงกรณีที่พรรคพท.จะมีประชุมเรื่องข้อกฎหมายในการที่จะไปท้วงติงต่อ กกต. ในวันพรุ่งนี้ (10 เมษายน) นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะเป็นการประชุมของคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะกรรมการสรรหาของพรรค เพื่อที่จะดำเนินการตามข้อบังคับและเตรียมการประชุมใหญ่ในวันที่ 21 เมษายนที่จะถึงนี้ พรุ่งนี้จะเป็นการกำหนดวาระการประชุม พอดีมีเรื่องสูตรคำนวนที่นั่งส.ส.ขึ้นมา ซึ่งเป็นปัญหาต่อสังคมว่า การเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว ผู้เข้าสนามแข่งขันทั้งหมดก็ดำเนินการจนเสร็จสิ้นแล้ว แต่กลับยังไม่รู้วิธีการและกฎระเบียบในการคิดคำนวนต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติ และแปลก เราจึงอยากเรียกร้องให้ กกต. ทำความเข้าใจให้กระจ่างชัด เพื่อความโปร่งใสของ กกต. เอง และเพื่อให้เกิดความยอมรับทั้งในและต่างประเทศว่ากระบวนการเลือกตั้งนั้นโปร่งใสและทุกฝ่ายยอมรับได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือความไม่ชัดเจนในหลายเรื่อง คะแนนข้อมูลดิบทั้งหมดที่เราขอไปก็ยังไม่ได้รับ กระบวนการตัดสินวิธีคิดวิธีคำนวน ส.ส. ก็ไม่ชัด เราได้มีการเสนอแนะให้คิดทบทวนเรื่องนี้หลายครั้งแต่ก็ยังมีความไม่ชัดเจนเกิดขึ้น ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำต่อไปคือเมื่อเราได้ทราบมาว่าดูเหมือนจะมีการคิดในแบบวิธีที่เป็นของ กกต. แต่ก็ยังไม่ชัดเจน เราก็อยากให้ กกต. ประกาศให้ชัดเจนและจะทำการทักท้วงอย่างเป็นทางการ ว่าวิธีคิดจะต้องอิงหลักกฏหมายให้ชัดเจน ซึ่งเราจะเสนอเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นหลักฐานให้ชัดเจนว่าเราประท้วงวิธีการคิดคำนวนแบบนี้ และเมื่อหลายฝ่ายได้ทักท้วงแล้ว หาก กกต. จะฝืนทำ กกต. ก็จะต้องรับผิดชอบในเสียงทักท้วงเหล่านั้น เพราะวันนี้เราเห็นว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเราเห็นในฐานะสถาบันทางการเมือง โดยเราจะยืนท้วงในฐานะพรรคการเมืองว่าท่านน่าจะทำในสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและเป็นสิ่งที่กระทำไม่ได้เพราะกฎหมายไม่ได้เปิดโอกาสให้ท่านทำ ดังนั้น พรุ่งนี้เราจะมีการประชุมและมอบหมายให้มีการไปยื่นหนังสือทักท้วงต่อ กกต.

เมื่อถามว่า วันนี้ กกต. เน้นการชี้แจงเรื่องต่างๆผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นหลักเพียงอย่างเดียวแบบนี้จะทำให้สังคมที่มีข้อกังขาอยู่ไม่ได้รับความกระจ่างหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่เราเป็นห่วง เพราะทำแล้วหากเกิดความไม่ชัดเจนลักษณะนี้ก็จะกลายเป็นว่า กกต. ทำให้ตัวเองเสื่อม และเป็นตัว กกต. เองที่ทำให้เกิดความคลางแคลงใจ เรื่องนี้ง่ายมากเพียงแค่ กกต. ประกาศทุกอย่างออกมาให้ชัดเจน หลักเกณฑ์ที่ถูกต้องควรมีเพียงหลักเกณฑ์เดียวตามกฏหมาย ไม่มีตามอำเภอใจของใคร เพียงแค่ทำแบบนี้ก็จะไม่มีปัญหาอะไรใดๆทั้งสิ้น เวลานี้เราไม่ได้เรียกร้องให้ กกต. ทำเพื่อเอาใจพรรคการเมืองใด หรือเอาใจใคร เสียงแต่เรียกร้องให้ทำตามกฏหมายที่ได้กำหนดไว้ชัดเจนแล้วเท่านั้น

เมื่อถามว่า พท.ยืนยันว่าจะต้องใช้สูตรคำนวนตามที่ พท. ได้แถลงไว้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เพราะสิ่งที่เราคิดไว้ทั้งหมดนั้นเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ตั้งแต่วรรคแรกเลย พระราชบัญญัติประกอบและธรรมนูญมาตรา 128 ก็ระบุไว้ชัดเจนตั้งแต่วรรคแรกเช่นกัน คุณจะไปคิดคำนวนให้ทีนั่งกับคนที่ไม่มีส.ส.พึงมีไม่ได้ จะไปปัดเศษให้คนที่ได้คะแนน 20,000-30,000 ไม่ได้

 

 

 

ที่มา : มติชนออนไลน์