ราชบัณฑิตชี้ไม่มีปท.ไหนในโลกที่ใช้ระบบเลือกตั้งแบบ MMA แล้วปัดเศษให้พรรคเล็กแบบไทย

ไทยแลนด์โอนลี่! ราชบัณฑิต ชี้ไม่มีปท.ไหนในโลกที่ใช้ระบบลต.แบบ MMA แล้วปัดเศษลงให้พรรคเล็กที่มีคะแนนพึงมีไม่ถึง

วันนี้ (12 เม.ย.) ดร.วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย ราชบัณฑิต และอดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) ได้เขียนบทความโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง “อภินิหารของการสำเนากติกาเลือกตั้งมาไม่ครบถ้วน” โดยมีเนื้อหา ดังนี้

ในช่วงปีที่ผ่านมา เพื่อนร่วมชาติส่วนใหญ่ต่างดีใจที่ประเทศเราจะมีการเลือกตั้ง โดยเฉพาะผู้ที่เชื่อว่า ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่เลวน้อยกว่าระบอบอื่นๆ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นที่จับตาของนานาประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับประเทศที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านจากระบบรัฐบาลทหาร มาเป็นรัฐบาลที่จะมาจากการเลือกตั้ง

น่าเสียดายที่กติกาเลือกตั้งกลับพาเราสู่สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่มีข่าวในเชิงลบ ตั้งแต่การหาเสียง การนับคะแนน จนถึงการคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งปัจจุบันดูเหมือน กกต.จะต้องส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ

ในฐานะนักวิชาการผู้ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยที่เป็นสากลคนหนึ่ง ผมขอตั้งข้อสังเกตสำหรับกติกาในการเลือกตั้งครั้งนี้ ดังนี้

(1) ระบบการเลือกตั้งที่ใช้ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นระบบ Mixed Member Apportionment System (MMA) เข้าใจว่า เกิดจากประเทศเยอรมนี และปัจจุบันมีประเทศที่ใช้อยู่ คือ เยอรมนี นิวซีแลนด์ สกอตแลนด์ โบลิเวีย และเลโซโท

(2) หลักการ MMA คือ ส.ส.พึงมีในระดับประเทศ ที่ได้จากสัดส่วนของคะแนนทั้งประเทศ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งมาจากตัวแทนระดับเขต (ส.ส.เขต) ซึ่งเลือกโดยประชากรในเขต และส่วนที่เหลือ (ส.ส.บัญชีรายชื่อ) มาจากการจัดสรรจากคะแนนเสียงของพรรคทั่วประเทศ

(3) ในระบบ MMA ดั้งเดิม ประเทศเยอรมนีใช้บัตรใบเดียวในการเลือกทั้งผู้แทนเขตและพรรค (บังคับให้เลือกผู้แทนคนไหน ก็ต้องเลือกพรรคเขาด้วย) แต่ภายหลังได้เปลี่ยนเป็นใช้บัตร 2 ใบ ใบหนึ่งเลือกผู้แทนเขต และใบหนึ่งเลือกพรรค ประเทศอื่นๆ ที่ใช้ MMA เท่าที่อ่านพบจะใช้บัตร 2 ใบทั้งนั้น

(4) ปกติ ในระบบ MMA ที่นั่ง ส.ส.เขต (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่ง ส.ส.พึงมี) ควรมีจำนวนน้อยกว่า ส.ส.พึงมี แต่ในประเทศที่มีพรรคเป็นจำนวนมาก ผู้ชนะ ส.ส.เขตมักชนะด้วยคะแนนไม่สูงนัก ดังนั้น คะแนนรวมทั้งประเทศจึงไม่สูงด้วยสัดส่วนเดียวกับจำนวน ส.ส.เขต ผลที่ได้ในเชิงคณิตศาสตร์ คือ จำนวน “ส.ส.บัญชีรายชื่อ = จำนวนที่นั่ง ส.ส.พึงมี – จำนวน ส.ส.เขต” มีค่าติดลบ กรณีนี้ก็เกิดขึ้นทั้งที่เยอรมนีและนิวซีแลนด์ เรียกกันว่าเกิด Overhang Seats

(5) ในกรณีเกิด Overhang Seats ที่เยอรมนีและนิวซีแลนด์ ตามกติกา ประเทศทั้งสองยอมเพิ่มจำนวนที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อตาม เรียกว่า Balance Seats เพื่อจะไม่ไปลดสัดส่วนจำนวนที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคอื่นๆ ดังนั้น ถ้ากติกานี้มีในประเทศไทย จำนวน ส.ส.ทั้งหมดก็สามารถมีมากกว่า 500 ได้ตาม Overhang Seat

https://en.m.wikipedia.org/…/Mixed-member_proportional_repr…

(6) ประเทศอื่นๆ ที่ใช้ระบบ MMA ทุกประเทศ ได้ออกแบบให้มี “จุดตัดทิ้ง (Threshold)” เพื่อป้องกันพรรคเล็กพรรคน้อยจำนวนมากมาย เช่น นิวซีแลนด์ กำหนดให้พรรคไม่ได้ ส.ส.เขตเลย ถ้าจะมาแบ่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 5% ที่เยอรมนีก็ใช้ 5% โบลิเวียใช้ 3% (ไม่พบประเทศใดที่ไม่มีการกำหนด Threshold เหมือนกติกาเรา ซึ่งทำให้พรรคที่ตกน้ำฟื้นขึ้นมาใหม่ถึง 13 พรรค)

(7) มี 2 ปรากฏการณ์ ที่คนส่วนใหญ่ยังสับสน ว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร และมักเอามารวมปนกัน

(7.1) ทำไมมี 13 พรรค ที่คะแนนดิบต่ำกว่า Quota (คะแนน 71,065 ต่อ 1 ส.ส.พึงมี) จึงสามารถฟื้นกลับมาได้ 1 ส.ส. ถ้าดูจากตารางที่ผมจำลองสำหรับประเทศสารขัณฑ์ การเกลี่ยเศษเพื่อแปลงเลขทศนิยมให้เป็นเลขเต็มโดยวิธี Largest Remainder Method หรือ มาตรา 128(4) คือ สาเหตุที่แท้จริงของปรากฏการณ์นี้ วิธีแก้ไขในอนาคต คือ การกำหนดให้มี Threshold เหมือนประเทศที่ใช้ MMA อื่นๆ (แปลกใจว่า ผู้ออกแบบ กติกาเลือกตั้งของประเทศไทย ลืมประเด็นนี้ไปได้อย่างไร)

(7.2) ทำไมพรรคที่เคยได้ ส.ส.พึงมีจำนวนหนึ่ง แต่สุดท้าย จำนวน ส.ส.ที่ได้กลับหายไป (เช่น พรรค อคม. จาก 88.17 เหลือ 80) สาเหตุที่แท้จริง คือ การปรับ Overhang Seats จำนวน 25.47 ที่นั่ง(ซึ่งเกินจาก 150 ที่นั่ง) ดังนั้น พรรคไหนได้จำนวน ส.ส.รายชื่อจำนวนมากกว่า ก็จะถูกปรับลดมามากตามสัดส่วน

 

 

ที่มา : มติชนออนไลน์