ก้าวไกล ไม่ร่วมวงฝ่ายค้านแก้รัฐธรรมนูญ เก็บหมวด 1-2 ไว้อภิปรายในสภา

วันที่ 19 สิงหาคม 2563 ที่อาคารรัฐสภา เกียกกาย นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการไม่ร่วมลงชื่อยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน และจะยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคก้าวไกลประกบว่า มีการหยิบยกเรื่องนี้มาโจมตีว่าพรรคก้าวไกลก้าวล่วงสถาบัน ในฐานะเลขาธิการพรรคชี้แจงว่า พรรคก้าวไกลจะไม่ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) อีก เพราะญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นแล้ว และมีเสียงครบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดแล้ว เพียงแต่ขอสงวนความเห็นบางเรื่องแล้วไปอภิปรายในสภา

ในส่วนของหมวด 1 หมวด 2 ไม่ได้เสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมตอนนี้ เพียงแต่การสงวนความคิดเห็น เพราะ 1.ไม่มีความจำเป็นใดๆ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 255 ระบุอยู่แล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีผลการเปลี่ยนแปลงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐจะทำไม่ได้ จึงบอกว่าไม่มีความจำเป็น จะมีแต่การสร้างความเข้าใจผิด ทั้งที่รัฐธรรมนูญหมวด 1 หมวด 2 มีการแก้ไขมาหลายครั้ง ทั้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 34 40 50 60 ก็มีการแก้ไข

ในส่วนที่พรรคก้าวไกลยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นลำดับถัดไปคือ มาตราที่เกี่ยวกับการปิดสวิตซ์ ส.ว. มาตรา 269-272 เป็นกล่องดวงใจการสืบทอดอำนาจ ซึ่งเป็นช่องทางการโหวตเลือกนายกฯ อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลมีเสียงแค่ 54 เสียง จึงจำเป็นต้องขอเสียงพรรคฝ่ายค้านด้วย หวังว่าเราจะได้เสียงถึง 98 เสียงขึ้นไปเพื่อยื่นญัตตินี้ต่อสภาผู้แทนราษฎร

“อย่างไรก็ตาม การก่อกระแสแบบนี้ว่าพรรคก้าวล่วงระบอบการปกครอง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ ประเทศไทยมีบทเรียนมาแล้วตั้งแต่ปี 2549 ว่าไม่ส่งผลดีต่อใครเลย และเห็นว่ามีบางฝ่ายบางกลุ่มหยิบประเด็นเหล่านี้มาขัดขวางการทำรัฐธรรมนูญใหม่ผ่านการตั้ง ส.ส.ร. รวมถึงกระตุ้นความเกลียดชัง หรือ ปราบปรามการชุมนุมของนักศึกษาประชาชน จะยิ่งทำให้การเมืองเดินไปสู่ทางตัน ดังนั้น พรรคยืนยันว่าทางออกที่จะไม่นำไปสู่ทางตันคือการตั้ง ส.ส.ร. ที่จะทำให้ทุกฝ่ายระดมความคิดเห็นร่วมกัน รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่คนอยู่ร่วมกันมีหน้าตาเป็นแบบไหน” นายชัยธวัชกล่าว

นายชัยธวัชกล่าวว่า ถ้ามีการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมาแล้วจะเป็นตัวแทนหลากหลายความคิด ไม่สามารถมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผูกขาดแก้ไขแบบใดแบบหนึ่งได้ทั้งหมด เชื่อว่าหากทุกฝ่ายทำให้ ส.ส.ร. เป็นพื้นที่ปลอดภัย เสรี ให้ทุกคนมาแสดงความคิดเห็นได้ จะเป็นทางออกที่สันติกับการเมืองไทยได้ แต่ถ้าทำให้ ส.ส.ร. เป็นกำแพงสำหรับคนจำนวนมาก ไม่ฟังเสียงของพวกเขา ไม่ใช่พื้นที่ที่พวกเขามีส่วนร่วม จาก ส.ส.ร.ที่เป็นทางออกจะกลายเป็นทางตัน